Username:
Password:
หน้าแรก
ห้องสนทนา
ช่วยเหลือ
ค้นหา
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
เว็บไซต์อารมณ์กลอน เว็บไซต์สำหรับผู้มีกลอนในหัวใจ..
>>
อารมณ์กลอน
>>
ฉันท์ กาพย์ ร่าย
>>
ศตอีสปนิทานคำกรอง (โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
หน้า: [
1
]
2
3
ลงล่าง
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
พิมพ์
ผู้เขียน
หัวข้อ: ศตอีสปนิทานคำกรอง (โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย) (อ่าน 59496 ครั้ง)
0 สมาชิก
และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สนอง เสาทอง
นักกลอนผู้อ่อนไหว
ออฟไลน์
กระทู้: 136
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
|
ศตอีสปนิทานคำกรอง (โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
«
เมื่อ:
03 กันยายน, 2556, 11:36:03 AM »
หน้าแรก
ศตอีสปนิทานคำกรอง (โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
***
ตั้งใจคัดเลือกนิทานอีสปเอาเรื่องเด่นๆ มาเขียนเป็นร้อยกรองจำนวน ๑๐๐ เรื่อง เพื่อจะได้คัด/ขัดเกลาตีพิมพ์เป็น "วรรณกรรมเยาวชน" ในโอกาสข้างหน้าต่อไป ช่วยติชมและท้วงติง เพื่อให้ถูกต้องสมบูรณ์ที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้...ขอขอบคุณล่วงหน้าครับ
***
@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@@
ศตอีสปนิทานคำกรอง
(โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
๑.
หมาป่ากับหัวกะโหลกมนุษย์
๑.
หมาป่าเร้นเถื่อนถ้ำ ไพรวนา
เทียวล่าหนูเนื้อปลา อิ่มมื้อ
เพียงมนุษย์แกว่นฤทธา เจ้ากริ่ง กลัวนา
ฉลเล่ห์พร่ำแก่งยื้อ แล่เนื้อเถือหนังฯ
๒.
หมาป่าเล่ห์ร้าย อาศัยเชิงชั้น
ท่องทั่วป่านั้น ล่าไล่เนื้อเบื้อ
เลียบย่องบ้านรั้ว เร้นตัวจ้องเหยื่อ
ไก่เป็ดตายเบือ ลักสิ้นหมดเล้าฯ
๓.
หมาป่านิสัยพาล หยาบสันดานพร่ำดุร้าย
อาศัยเถื่อนขอบชาย เร้นหลบกายเลี้ยงชีวิน
หนูกบไม่อิ่มมื้อ ย่องเล้ารื้อลักไก่สิ้น
ชาวบ้านคร้ามทั่วถิ่น ใครยลยินเอือมระอาฯ
๔.
กาลครั้งหนึ่ง หมาใหญ่ อยู่ไพรเถื่อน ไม่แชเชือน เที่ยวล่า สรรพสัตว์
หนูกระรอก กระต่าย ปรี่เข้ากัด มังสาเนื้อ เขี้ยวฟัด ลิ้มโอชา
หมาป่านั้น กลัวมนุษย์ สุดเล่ห์ร้าย ศาสตราวุธ เทียวหมาย ไล่เข่นฆ่า
แล่เถือเนื้อ ถลกหนัง ไร้เมตตา สุนัขป่า จึงเลี่ยง หลบไกลคน
มาวันหนึ่ง หิวโซ ออกล่าเหยื่อ ลำบากเหลือ อาหาร ช่างขัดสน
จึงเลาะเลี้ยว ละเมาะ ใกล้บ้านคน ในตำบล อันตน ไม่คุ้นชิน
เจอะกะโหลก มนุษย์ เขรอะดินพื้น ให้ตระหนก หวาดตื่น ใจส่ำดิ้น
ด้วยฤทธา เล่ห์มนุษย์ เคยยลยิน ใจเจ้าถวิล เภทภัย อาจกรายเยือน
จึงด้อมด้อม ย่องวน อยู่หลายเที่ยว ทั้งแลหน้า หลังเหลียว ระแวงเถื่อน
กะโหลกนั้น ตั้งนิ่ง ไม่ติงเตือน เจ้าขยับเคลื่อน เข้าใกล้ นาสิกดม
เมื่อมั่นใจ กะโหลก นั้นตายแน่ ไร้ฤทธี ตอแย โอหังข่ม
จึงใช้เท้า เขี่ยเล่น เต็มอารมณ์ เจ้าสุขสม กระหยิ่ม พลางรำพัน
เจ้ามนุษย์เอ๋ย เคยใหญ่ เทียวไล่ล่า ทั้งผองข้า สรรพสัตว์ ทั่วไพรสัณฑ์
ด้วยปัญญา ปราดเปรื่อง เล่ห์อนันต์ ในสักวัน แน่แท้ เจ้าวายวาง
ยามชีพสิ้น แน่นิ่ง กองจมพื้น ไหนศาสตรา พร้าปืน เคยอวดอ้าง
ไหนปัญญา เล่ห์คิด กลอำพราง ในสุดท้าย เสื่อมร้าง ฤทธิ์ร้ายเอยฯ
๕.
คตินิทาน เรื่องนี้ ท่านสอนว่า
ยามไร้บุญ วาสนา อำนาจหน
ก็ไร้สิ้น คนเกรง ใครกลัวตน
อย่าเป็นคน ติดหลง อำนาจเอยฯ
๖.
ยามไร้บุญวาสนา สิหาใครกลัวเกรง วังเวงแท้เหลืออนาถ อำนาจก็เสื่อมสิ้น อย่าดิ้นว่ายติดหลง กรรมกงกำเกวียนย้ำ ชอกช้ำยามวิบาก ปลงเถิดหลากสิ่งล้วน ควรยิ่งคิดรอบถ้วน ถ่องแท้โลกสมัย เทอญนาฯ
๗.
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
“ยามเมื่อหมดบุญอำนาจวาสนา คนที่เคยเกรงกลัวเราก็ไม่เกรงกลัวอีกต่อไป”
ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :
ระนาดเอก
,
Black Sword
,
ศิลาสีรุ้ง
,
masapaer
,
ยอดมณี
บันทึกการเข้า
~รวมทุกสำนวนของ"สนอง เสาทอง"ครับ ~
สนอง เสาทอง
นักกลอนผู้อ่อนไหว
ออฟไลน์
กระทู้: 136
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
|
Re: ศตอีสปนิทานคำกรอง (โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
«
ตอบ
#1 เมื่อ:
03 กันยายน, 2556, 12:17:51 PM »
หน้าแรก
Re: ศตอีสปนิทานคำกรอง (โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
ศตอีสปนิทานคำกรอง
(โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
๒.
ต้นไม้กับคนตัดไม้
๑.
อันพฤกษ์ไพรใหญ่ยั้ง ดงแดน
คุณค่าประโยชน์แสน เร่งรู้
ตระหนักตื่นสงวนแหน ไม้ป่า ชนเฮย
ผิไป่เฉยพลิกกู้ ก่อร้ายวิกฤตสมัยฯ
๒.
ไม้ป่าคามดง เถื่อนพงล้นค่า
หล่อเลี้ยงชีวา ก่อเกื้อถ้วนสิ่ง
ต้นน้ำลำธาร เนานานป่าอิง
ตื่นรู้อย่านิ่ง ป่าไม้รักษาฯ
๓.
พฤกษ์ไพรวิกฤตยิ่ง ชนอย่านิ่งปล่อยดูดาย
ขั้วโลกน้ำแข็งมลาย ใครเสียหายพึงตรองคิด
ธรรมชาติสร้างสมดุล ล้วนเกื้อหนุนสรรพชีวิต
ฤดูกาลโลกวิกฤต ทุกถ้วนทิศท่วมท้นทุกข์ฯ
๔.
กาลครั้งหนึ่ง ครอบครัว คนตัดไม้ ปลูกเรือนบ้าน อาศัย ชายเถื่อนถิ่น
พ่อแม่ลูก ขันแข็ง เรื่องทำกิน งานอาจินต์ ตัดไม้ ขายเลี้ยงตน
มาวันหนึ่ง ได้พบ ต้นไม้ใหญ่ ต่างปรึกษา วุ่นใน หารือหน
ตัดต้นนี้ แปรขาย ไม่ลำบน คงได้เงิน มากล้น ราคางาม
ครั้นตกลง ปลงใจ ดูยามฤกษ์ ขวานจามเบิก โคนใหญ่ เข้ามิดด้าม
ไม่นานช้า ล้มตึง สนั่นคาม ใหญ่เกินแบก คอนหาม ต้องตัดทอน
เลือกกิ่งเหมาะ ทำลิ่ม ทิ่มแยกไม้ เพื่อจะได้ บั่นทอน แบ่งหลายท่อน
ต่างแยงงัด แยกไม้ ไม่เกี่ยงงอน ไม้ใหญ่ครวญ ทอดถอน ชะตากรรม
อนิจจา อกเอ๋ย อนาถนัก ถูกขวานจาม หน่วงหนัก อยู่หลายซ้ำ
ไม่เจ็บเท่า กิ่งตน เข้าทิ่มตำ ระกำใจ ชอกช้ำ เนื้อตนเอยฯ
๕.
คตินิทาน เรื่องนี้ ท่านสอนว่า
เจ็บอะไร เกินกว่า คนชิดใกล้
ที่ทั้งรัก ไว้เนื้อ และเชื่อใจ
กลับทำร้าย ตัวเรา ปวดร้าวเอยฯ
๖.
คนสนิทเชื่อวางใจ ในทุกเรื่องปรึกษา กลับแว้งมาก่อร้าย ป้ายสีเท็จโยนผิด อยู่เนืองนิจบ่เว้น ตัวเร้นเลี่ยงเบือนบิด เจ็บเพราะมิตรหักหลัง ชังชิงมากยิ่งแล้ หนักเจ็บปวดร้าวแท้ กว่าถ้วนเจ็บใด ท่านเอยฯ
๗.
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
“เจ็บอะไรไม่เท่าโดนคนที่ใกล้ชิดและไว้ใจทำร้าย”
ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :
ระนาดเอก
,
Black Sword
,
masapaer
,
ยอดมณี
บันทึกการเข้า
~รวมทุกสำนวนของ"สนอง เสาทอง"ครับ ~
สนอง เสาทอง
นักกลอนผู้อ่อนไหว
ออฟไลน์
กระทู้: 136
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
|
Re: ศตอีสปนิทานคำกรอง (โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
«
ตอบ
#2 เมื่อ:
03 กันยายน, 2556, 12:36:20 PM »
หน้าแรก
Re: ศตอีสปนิทานคำกรอง (โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
ศตอีสปนิทานคำกรอง
(โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
๓.
คนชั่วไม่มีที่อยู่
๑.
อันโฉดชนชั่วช้า เกเร
เช้าค่ำสำมะเล ไป่สิ้น
ใจหยาบหมิ่นฉลเล่ห์ ร้ายยิ่ง
จิตเร่าระวิงดิ้น ก่อร้อนลำพองพาลฯ
๒.
โฉดชนสันดาน ก่อพาลเรื่องร้อน
ยากขุดสันดอน ชั่วรั้นลำพอง
คำถ้อยหยาบล้น หยามชนคับข้อง
คิดแต่ร้ายปอง มุ่งเหตุบีฑาฯ
๓.
โฉดชนฉลสันดาน หาเรื่องพาลไม่รู้สิ้น
ใครต่างระอายิน บ่ายหน้าผินไม่เกลือกข้อง
ผองมิตรต่างเลี่ยงหลบ ใครไม่คบอับศรีหมอง
ค่ำเช้าเพรื่อพร่ำจ้อง เหิมลำพองก่อร้ายพาลฯ
๔.
กาลครั้งหนึ่ง คนพาล สันดานหยาบ คึกคะนอง จ้วงจาบ ไม่รู้สิ้น
ลำพองจิต เราะร้าย อยู่อาจินต์ ใครยลยิน ระอา ไม่ผินมอง
มาวันหนึ่ง ฤทธิ์พาล พลั้งมือฆ่า ถึงเขาม้วย มรณา สยดสยอง
ไม่อนาทร ว่าใคร น้ำตานอง กระหยิ่มย่อง ไม่ใช่ เรื่องกงการ
ฝ่ายผู้ตาย เลือดเชื้อ และเครือญาติ ผูกอาฆาต เคืองขุ่น คิดประหาร
ฆ่าตกตาย ตามกัน ลั่นสาบาน แล้วยกพวก หมดบ้าน ตามกันมา
เจ้าคนพาล รู้ข่าว เขาหมายหัว เกิดนึกกลัว หนีเตลิด เร้นราวป่า
ด้วยเกเร ญาติมิตร ไม่นำพา ช่วยอีกฝ่าย ตามหา หมายคร่ากุม
หนีซ่อนป่า อนิจจา นักเลงใหญ่ เจอะสิงโต ตกใจ ปีนไพรพุ่ม
เลือกต้นเหมาะ ใบดก หมายหลบมุม เจอะงูร้าย เงียบซุ่ม พันกิ่งรอ
เจ้าคนพาล ลนลาน ขนหัวลุก ฉุกละหุก เภทภัย ทุกทิศจ่อ
โดดลงน้ำ ทันใด ข้างไผ่กอ ปะจระเข้ ขม้ำพ่อ จมเขี้ยวเอยฯ
๕.
คตินิทาน เรื่องนี้ ท่านสอนว่า
อันคนพาล หยาบช้า สันดานชั่ว
ไร้ญาติมิตร ใครเมิน ไม่พันพัว
แม้แผ่นดิน ซุกหัว ไม่มีเอยฯ
๖.
โฉดชนสันดานหยาบ บาปก่อไม่นึกเกรง ข่มเหงใครก้มราบ จ้วงจาบอยู่นิจสิน อาจินต์ก่อเรื่องพาล ฉาดฉานเท็จโป้ปด ฉ้อคดแม้พวกพ้อง จ้องแต่หาเหตุร้าย แม้แผ่นดินห่างใกล้ หมดสิ้นซุกกาย ท่านนาฯ
๗.
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
“คนชั่วไม่มีแม้แต่แผ่นดินจะอยู่ ไม่ว่า ณ ที่แห่งใด”
ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :
ระนาดเอก
,
Black Sword
,
masapaer
,
ยอดมณี
บันทึกการเข้า
~รวมทุกสำนวนของ"สนอง เสาทอง"ครับ ~
สนอง เสาทอง
นักกลอนผู้อ่อนไหว
ออฟไลน์
กระทู้: 136
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
|
Re: ศตอีสปนิทานคำกรอง (โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
«
ตอบ
#3 เมื่อ:
03 กันยายน, 2556, 12:43:44 PM »
หน้าแรก
Re: ศตอีสปนิทานคำกรอง (โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
ศตอีสปนิทานคำกรอง
(โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
๔.
สุนัขจิ้งจอกกับหมูป่า
๑.
จิ้งจอกเหลี่ยมเล่ห์ร้าย มากมี
สัตว์ใหญ่น้อยหน่ายหนี ไป่ข้อง
มวลมิตรต่างหลีกลี้ คร้ามยิ่ง
ใครต่างทิ้งเพื่อนพ้อง กริ่งได้ภัยถึงฯ
๒.
จิ้งจอกเล่ห์ร้าย แต่หมายคดฉ้อ
เหลี่ยมเชิงหลอกล่อ สัตว์น้อยใหญ่หน่าย
อาหารสัตว์เนื้อ จ้องเหยื่อมุ่งร้าย
แอบซุ่มพุ่มหมาย ว่องไวโจมตีฯ
๓.
จิ้งจอกมากร้ายเล่ห์ จริตแสร้งเสเหลี่ยมคูใช้
สัตว์ใดไม่ระไว อาจถึงตายชีพปลิดปลง
เลาะเรื่อยป่าไพรถิ่น จับเหยื่อกินตามประสงค์
ใครคร้ามทั่วคามดง จิ้งจอกพงศ์ล้วนเล่ห์ร้ายฯ
๔.
กาลครั้งหนึ่ง จิ้งจอก อยู่พนากว้าง เยาะเยื้องย่าง ตรวจตรา ถิ่นอาศัย
เลาะดุ่มเดิน เรื่อยร่ำ ราวชัฏไพร ถึงดงไม้ หมูป่า ย่านลำเนา
เห็นหมูป่า ลับเขี้ยว อยู่โคนไม้ จึงถามไถ่ ปราศรัย เอินหยอกเย้า
สหายหมูจ๋า ลับเขี้ยว มิผ่อนเพลา มีภัยร้าย ใดเล่า โปรดพาที
ทั้งพรานไพร หมาล่า ไม่มีเห็น ข้าเทียวท่อง เช้าเย็น ถ้วนเขตที่
แล้วเจ้าลับ คมเขี้ยว ไปไยมี เลิกเสียที เถิดสหาย อย่าร่ำไร
หมูป่าฟัง พลางแจ้ง แถลงเหตุ อันภัยเภท หมู่พราน หามีไม่
ลับคมเขี้ยว เผื่อใช้ ได้ทันใด รอมีภัย ค่อยลับ ไม่ทันเอยฯ
๕.
คตินิทาน เรื่องนี้ ท่านสอนว่า
ทุกเวลา เตรียมตน ให้พร้อมพรั่ง
อย่าประมาท ดูดาย ไม่ระวัง
อาจพลาดพลั้ง เคราะห์ร้าย ถึงตายเอยฯ
๖.
ชนเอยอย่าประมาท ในสิ่งคาดหยั่งยาก วิบากเทวษนักยิ่ง ร้ายสิ่งอาจกรายใกล้ เกิดได้ถ้วนทุกยาม อย่าตามใจคร้านอู้ รู้เตรียมตนทุกเมื่อ คิดเผื่อไปเพื่อหน้า ถ้าเกิดเหตุอาจช้า ผ่อนแก้ทันไฉน ท่านเอยฯ
๗.
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
“จงเตรียมพร้อมไว้เสมอ เพราะเราไม่อาจจะรู้ว่าเหตุการณ์เลวร้ายจะเกิดขึ้นเมื่อใด”
ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :
ระนาดเอก
,
Black Sword
,
masapaer
,
ยอดมณี
บันทึกการเข้า
~รวมทุกสำนวนของ"สนอง เสาทอง"ครับ ~
สนอง เสาทอง
นักกลอนผู้อ่อนไหว
ออฟไลน์
กระทู้: 136
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
|
Re: ศตอีสปนิทานคำกรอง (โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
«
ตอบ
#4 เมื่อ:
03 กันยายน, 2556, 12:51:28 PM »
หน้าแรก
Re: ศตอีสปนิทานคำกรอง (โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
ศตอีสปนิทานคำกรอง
(โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
๕.
แมงมุมกับนกกระจอก
๑.
แมงมุมตัวกระจ้อย ใยบาง
ตาข่ายดักขึงกาง เหยื่อน้อย
คิดเหิมล่านกบ้าง สัตว์ใหญ่
ใยเยิ่นขาดวิ่นย้อย พ่ายต้านแรงสกุณฯ
๒.
แมงมุมตัวน้อย ใยจ้อยดักกาง
หนอนไหน่วายวาง อิ่มมื้อเหยื่อน้อย
คิดดักปักษี มากมีพันร้อย
ดักขึงใยคอย ยับวิ่นเยิ่นใยฯ
๓.
แมงมุมใยบางจ้อย กางดักคอยผีเสื้อหนอน
อิ่มมื้อไม่อาวรณ์ ซุ่มตัวซ่อนจ้องจับเหยื่อ
วันหนึ่งคิดการใหญ่ เนื้อนกไพรคงมากเหลือ
ขึงใยกว้างผืนเสื่อ ใยบางเยื่อนกทำลายฯ
๔.
กาลครั้งหนึ่ง แมงมุม ตัวกระจ้อย ชักใยบาง ดักคอย แมลงหนอน
เห็นกระจอก นกน้อย เจ่าคบคอน เทียวจิกกิน ด้วงหนอน อาหารตน
จึงวางแผน ดักนก กระจอกนั้น ด้วยโมหัน มโนจิต อกุศล
คิดชักใย ตาข่าย ขึงแยบยล จริตเล่ห์กล กำจัด วิหคศัตรู
จึงชักใย เหนียวหนา แผ่กว้างใหญ่ แต่หัวค่ำ ดึกไคล ล่วงเช้าตรู่
ครั้นเสร็จสิ้น เงียบนิ่ง เฝ้าซุ่มดู นึกกระหยิ่ม ปองอยู่ เนื้อสกุณา
ครั้นรุ่งสาง กระจอก บ่ายโผผิน ถึงย่านถิ่น แมงมุม ชักใยหนา
ชนตาข่าย เต็มแรง ทะลุมา ไม่นำพา ใยจ้อย บางเปราะเบา
เจ้าแมงมุม รำพึง โอ้อกหนอ ใจเหี่ยวห่อ ฝืนยิ้ม ก้มหน้าเศร้า
นึกทบทวน ตรองตน รั้นมัวเมา อันตัวเรา คิดการ ใหญ่เกินตน
จึงแมงมุม ค่ำเช้า เฝ้าใยชัก แต่พอดัก หนอนไหน่ ไม่สับสน
ทำแต่พอ แรงตัว ไม่ลำบน เลิกดิ้นรน สิ่งหมาย ไกลเอื้อมเอยฯ
๕.
คตินิทาน เรื่องนี้ ท่านสอนว่า
ชนพึงอย่า ปรารถนา ในสรรพสิ่ง
ไกลเกินตัว เกินตน ทำได้จริง
จงเลือกสิ่ง ถนัดง่าย ทำได้เอยฯ
๖.
ใดสรรพสิ่งปรารถนา ตรองมากคราทั่วถ้วน ใครล้วนมีความอยาก มักมากเห็นแก่ตน ครวญหนรอบคอบถ้วน แต่ล้วนทำได้ง่าย หากป่ายสูงเกินคว้า ถ้าพลาดสิ่งอยากได้ ตนย่อมเทวษหนักไซร้ ร่ำไห้จาบัลย์ เพื่อนเอยฯ
๗.
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
“อย่าทำอะไร เกินตัว และเลือกทำในงานที่เราถนัดจะเป็นผลดีที่สุด”
ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :
ระนาดเอก
,
Black Sword
,
masapaer
,
ยอดมณี
บันทึกการเข้า
~รวมทุกสำนวนของ"สนอง เสาทอง"ครับ ~
สนอง เสาทอง
นักกลอนผู้อ่อนไหว
ออฟไลน์
กระทู้: 136
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
|
Re: ศตอีสปนิทานคำกรอง (โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
«
ตอบ
#5 เมื่อ:
03 กันยายน, 2556, 12:58:52 PM »
หน้าแรก
Re: ศตอีสปนิทานคำกรอง (โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
ศตอีสปนิทานคำกรอง
(โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
๖.
ไก่ชนกับนกกระทา
๑.
อันไก่ชนเผ่าเชื้อ พงศ์พาล
ย่อมเชี่ยวช่ำสันดาน ต่อสู้
ฤารู้เลี่ยงตีต้าน พ้องไก่ เพื่อนนา
เฉกเช่นโฉดชนรู้ ก่อร้ายอาจินต์ฯ
๒.
ไก่ชนเผ่าเชื้อ พาลเหลือสันดาน
ต่อตีเชิงชาญ ค่ำเช้าอาจินต์
เดือยแข้งเขี้ยวเล็บ แทงเจ็บแรงตีน
ไก่ชนชาชิน พวกพ้องต่อสู้ฯ
๓.
ไก่ชนนิสัยพาล เรื่องหักหาญโรมรันสู้
ค่ำเช้าเฝ้าพันตู เพียรจับคู่เตะจิกตี
กระทาใช่ไก่ชน ลำบากล้นถูกย่ำยี
ไก่ชนตามราวี กระทาหนีอยู่วี่วันฯ
๔.
กาลครั้งหนึ่ง มีชาย ไก่ชนเลี้ยง ด้วยชอบเสี่ยง บ้าพนัน อยู่นิจสิน
เข้าบ่อนไก่ เดิมพัน อยู่อาจินต์ ไม่ยลยิน กลัวบาป เวรกรรมใด
มาวันหนึ่ง จับได้ กระทานก นำวิหค เลี้ยงดู เข้าฝูงไก่
กินอาหาร หลับนอน อยู่เนาใน ประหนึ่งไก่ ตัวหนึ่ง ร่วมวงศ์วาน
อนิจจา กระทา ใช่ไก่เชื้อ ในกินอยู่ ทุกเมื่อ น่าสงสาร
ด้วยนิสัย มิใช่ เช่นไก่พาล ทุกเมื่อวาน ถูกกลุ้ม รุมรังแก
ด้วยไก่ชน ทระนง ว่าทรงศักดิ์ รังเกียจนัก กระทา เจ้าขี้แพ้
ถูกแกล้งจิก กระทา ไม่ตอแย อนาถแท้ เจียมตน ข่มน้ำตา
เช้าวันหนึ่ง ฝูงไก่ เกิดปากเสียง ต่างทุ่มเถียง แบ่งฝ่าย ไม่ชักช้า
ยกพวกพ้อง จิกตี กันเนื่องมา เจ้ากระทา ถอนใจ ปลงรำพึง
โอ้ไก่ชน ชั้นพาล สันดานหยาบ แต่พวกพ้อง จ้วงจาบ ทะเลาะขึ้ง
เข้าจิกตี พัลวัน อยู่ตังตึง จึงรู้ซึ้ง สันดาน โจรพาลเอยฯ
๕.
คตินิทาน เรื่องนี้ ท่านสอนว่า
อันหมู่พาล โจรา สันดานหยาบ
ไร้สัจจะ เมตตา ไม่เกรงบาป
แม้พวกพ้อง จ้วงจาบ ไม่เว้นเอยฯ
๖.
สันดานพาลโจรา ย่อมยากหามิตรแท้ ผู้แพ้คร้ามระย่อ บาปก่ออยู่ห่อนเว้น แต่เน้นก่อเรื่องร้าย พวกพ้องไร้สัจจะ เลิกละสิ้นเมตตา หาแต่เรื่องหยาบช้า พ้องเพื่อนจ้วงจาบกล้า ห่อนรู้เว้นไฉน ท่านนาฯ
๗.
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
“ไม่มีความเมตตาและสัจจะใดๆ ในหมู่โจร”
ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :
ระนาดเอก
,
Black Sword
,
masapaer
,
ยอดมณี
บันทึกการเข้า
~รวมทุกสำนวนของ"สนอง เสาทอง"ครับ ~
สนอง เสาทอง
นักกลอนผู้อ่อนไหว
ออฟไลน์
กระทู้: 136
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
|
Re: ศตอีสปนิทานคำกรอง (โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
«
ตอบ
#6 เมื่อ:
03 กันยายน, 2556, 01:05:31 PM »
หน้าแรก
Re: ศตอีสปนิทานคำกรอง (โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
ศตอีสปนิทานคำกรอง
(โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
๗.
นกกระทากับนักฝึกเหยี่ยว
๑.
อันกระทาเผ่าเชื้อ นกดิน
บ่คล่องปีกวาดบิน เรี่ยพื้น
ทรยศเหล่าปักษิน พ้องเพื่อน
คิดแต่รอดต่ำตื้น ห่อนพ้นโทษประหารฯ
๒.
โฉดชนล้วนมัก คิดหักหลังมิตร
ฉลใจฉ้อจิต เพื่อนพ้องห่างหนี
หยาบช้าเล่ห์พาล สันดานบ่งชี้
เสียศักดิ์เสื่อมศรี เลี่ยงลี้อย่าข้องฯ
๓.
กระทาพงศ์ปักษิน เผ่านกดินทำรังพื้น
สิ้นไร้หนทางขืน เล่ห์ลิ้นลื่นเพียงตัวรอด
ทรยศเพื่อนกระทา คารมค้าอ้อนพร่ำพรอด
ใครสิ้นไม่ใบ้บอด เขาค่อนขอดหมิ่นแคลนยิ่งฯ
๔.
กาลครั้งหนึ่ง บุรุษ นักฝึกเหยี่ยว ด้อมด้อมเทียว ตาข่าย ดักวิหค
เขาโชคดี จับได้ อยู่หลายนก และครึ้มอก หนึ่งนั้น คือกระทา
อันกระทา นกวงศ์ เนื้อนุ่มลิ้น ใครต่างยิน อร่อยเลิศ เนื้อปักษา
เขาคิดหนัก กับข้าว จ้าวกระทา จะแกงป่า ผัดเผ็ด ก็เด็ดนัก
เจ้ากระทา ร้องขอ ปล่อยชีวิต ฟังข้านิด ท่านขา อย่าห้ำหัก
ใช้ข้าเป็น เหยื่อล่อ เช่นกับดัก แค่สักพัก กระทา มาติดกับ
เมื่อนั้นท่าน มากมาย ฝูงวิหค กระทายก พวกมา คณานับ
เชื่อข้าเถิด อย่าเพ่อ ฆ่าม้วยดับ โปรดระงับ โทษา ถึงวางวาย
นักฝึกเหยี่ยว ครุ่นคิด ก่อนเอื้อนเอ่ย กระทาเอ๋ย อย่าเลย เจ้าช่างร้าย
แม้เผ่าเชื้อ ทรยศ ช่างไม่อาย เจ้าอย่าหมาย ให้ข้า วางใจเอยฯ
๕.
คตินิทาน เรื่องนี้ ท่านสอนว่า
ผู้ทรยศ วงศา มวลญาติมิตร
ใครจักเชื่อ สนิทใจ ร่วมน้ำจิต
ใครคบหา ชีวิต เสื่อมศรีเอยฯ
๖.
มิจฉาจริตสันดาน พาลทรยศวงศา เอาชีวาตนรอด มืดบอดแท้ปัญญา ประดามิตรหักหลัง ใครชังรังเกียจสิ้น ลิ้นกลอกกลิ้งสัจจะ พึงละเว้นชิดใกล้ หากคบท่านอาจได้ แต่ร้ายเข้าตัว เสมอนาฯ
๗.
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
“ผู้ที่ทรยศแม้แต่กับญาติมิตรของตนเองได้ ย่อมไม่สมควรคบหาอย่างยิ่ง"
ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :
ระนาดเอก
,
masapaer
,
ยอดมณี
บันทึกการเข้า
~รวมทุกสำนวนของ"สนอง เสาทอง"ครับ ~
สนอง เสาทอง
นักกลอนผู้อ่อนไหว
ออฟไลน์
กระทู้: 136
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
|
Re: ศตอีสปนิทานคำกรอง (โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
«
ตอบ
#7 เมื่อ:
03 กันยายน, 2556, 01:17:59 PM »
หน้าแรก
Re: ศตอีสปนิทานคำกรอง (โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
ศตอีสปนิทานคำกรอง
(โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
๘.
หมาป่ากับฝูงแกะ
๑.
ถ้วนหมาป่าเล่ห์ร้าย อุบายกล
มโนมุ่งแต่ฉ้อฉล ชั่วช้า
มากเพทุบายกล หลอกท่าน ลึกไฉน
คูเหลี่ยมใช้แกว่นกล้า ยิ่งล้ำใครเสมอฯ
๒.
หมาป่าสันดาน เชี่ยวชาญเล่ห์ใช้
ก่อชั่วเภทภัย แต่ร้ายแยบยล
สัตว์ป่าน้อยใหญ่ ซึ้งในเกมกล
เช่นหมู่โฉดชน ช่ำชองก่อร้ายฯ
๓.
หมาป่าโฉดสันดาน เหลี่ยมเล่ห์ชาญใครรู้สิ้น
เลาะท่องทั่วไพรถิ่น อาหารกินล่าสัตว์เนื้อ
เจ้าเล่ห์อุบายกล คล่องฉ้อฉลใช้พร่ำเพรื่อ
สัตว์ไพรต่างหน่ายเบื่อ ช่างร้ายเหลือเล่ห์หมาไพรฯ
๔.
กาลครั้งหนึ่ง หมาป่า ผู้เชื่องช้า ด้วยแพ้วัย แปล้ชรา ขืนสังขาร
ไล่จับเหยื่อ เงื้อง่า ไม่ว่องชาญ จึงคิดการ แยบยล กลอุบาย
มาวันหนึ่ง ฆ่าแกะ หลงฝูงเสร็จ คิดกลเม็ด จับเหยื่อ เบามือง่าย
จึงถลกหนัง ควักกิน ไส้เนื้อกาย เหลือหัวหนัง เจ้าหมาย ใช้ปลอมตน
คิดแผนการ ปลอมตัว เข้าฝูงแกะ เพื่อหวังฆ่า ชำแหละ หนึ่งคืนหน
ไม่ต้องล่า ให้เหนื่อย ได้ลำบน ไม่ขัดสน อาหาร อีกต่อไป
ครั้นปลงใจ ใช้แผน เล่ห์ล้ำลึก คลุมหนังแกะ คักคึก เข้ากลุ่มได้
กระหยิ่มย่อง แอบยิ้ม อยู่ในใจ เทียวดุ่มเดิน ไขสือ พรางปะปน
ครั้นตกเย็น คนเลี้ยง ต้อนกลับคอก ไม่แวกวอก เกาะฝูง ร่วมทางหน
จนเข้าคอก สำเร็จ แผนการตน สุขใจล้น หมายิ้ม ตากริ่มวาว
ค่ำวันนั้น คนเลี้ยง อยากกินแกะ ภริยาแนะ หนังนั้น ตัดเสื้อหนาว
คนเลี้ยงจึง เยื้องย่าง ถือดาบยาว เลือกหนึ่งแกะ สุ่มเอา ในมืดมัว
อนิจจา หมาป่า ชะตาขาด ถึงคราวฆาต ถูกเลือก มาตัดหัว
กงกรรมใด ใครก่อ ย้อนเข้าตัว ใครคิดชั่ว ย่อมได้ ชั่วตอบเอยฯ
๕.
คตินิทาน เรื่องนี้ ท่านสอนว่า
คนคิดชั่ว ท่านว่า ย่อมทำชั่ว
ทำสิ่งใด ย่อมคืน กลับย้อนตัว
ใครคิดชั่ว ทำชั่ว ได้ชั่วเอยฯ
๖.
ผู้คิดชั่วนิจสิน อาจินต์ย่อมทำบาป มโนฉาบเวรกรรม ค้อมนำทุรจิต เห็นผิดกลับเป็นชอบ ใครย่อมตอบชั่วคืน ฝืนชะตายากพ้น ชนดั่งเช่นว่านี้ ผู้อื่นย่อมมุ่งชี้ ตอบร้ายคืนเสมอ ท่านนาฯ
๗.
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
“คนที่คิดชั่ว และทำชั่ว ย่อมจะได้สิ่งชั่วนั้นตอบแทน”
ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :
ระนาดเอก
,
masapaer
บันทึกการเข้า
~รวมทุกสำนวนของ"สนอง เสาทอง"ครับ ~
สนอง เสาทอง
นักกลอนผู้อ่อนไหว
ออฟไลน์
กระทู้: 136
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
|
Re: ศตอีสปนิทานคำกรอง (โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
«
ตอบ
#8 เมื่อ:
03 กันยายน, 2556, 01:24:34 PM »
หน้าแรก
Re: ศตอีสปนิทานคำกรอง (โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
ศตอีสปนิทานคำกรอง
(โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
๙.
จุดกำเนิดของทะเลทราย
๑.
อันมนุษย์สุดหยั่งแท้ มโนจินต์
คิดแต่ฉ้อนิจสิน ห่อนแก้
โลกีย์พร่ำเพรื่อลิ้น ข้องดื่ม
เมาหื่นกิเลสแท้ อิ่มแปล้เกียรติกามฯ
๒.
หมู่ชนอาจินต์ คุ้นชินก่อบาป
สันดานหนาหยาบ โลกีย์โลภหลง
เบียดเบียนบีฑา โฉดช้าเนื่องยง
กรรมเวรกำกง ว่อนว่ายเวียนวนฯ
๓.
มนุษย์มากถ้วนสิ้น ไม่ยลยินบาปกรรมเวร
เรื่องร้ายต่างถนัดเจน ฝืนกฎเกณฑ์อยู่เพรื่อพร่ำ
เบียดเบียนพวกกันเอง ไม่พรั่นเกรงชั่วกระทำ
ก่อบาปอยู่เนื่องซ้ำ เพียรตอกย้ำสร้างกรรมเวรฯ
๔.
กาลครั้งหนึ่ง พระเจ้า ทรงสร้างโลก ล้วนสวยงาม ธารโตรก พฤกษชาติ
เสกเถื่อนภู เดือนดาว ดารดาษ น้ำไฟลม ดินธาตุ ได้พักพิง
เมื่อสำเร็จ โลกสวย แสนน่าอยู่ จึงสร้างมนุษย์ คู่หนึ่ง ชายและหญิง
ทรงสำทับ ตรัสห้าม อย่าช่วงชิง ทุกสรรพสิ่ง แบ่งปัน เอื้ออาทร
ครั้นเผ่าพันธุ์ มนุษย์นั้น มากมายขึ้น เริ่มขืนขัด ฝืนสิ้น คำท่านสอน
กิเลสโลภ โลกีย์ ระยำบอน ทุกหย่อมหญ้า ร่านร้อน ทะเลบาป
ในครั้งนั้น พระเจ้า ปวดร้าวนัก จำท่านจัก ตักเตือน ด้วยคำสาป
ผิว่าใคร กำเริบ ผิดจ้วงจาบ ต้องกำราบ ลงโทษ ให้เข็ดจำ
คิดดังนั้น จึงเสด็จ มายังโลก เพื่อล้างโศก บาปชั่ว อันซากซ้ำ
ป่าวประกาศ หากใคร สร้างบาปกรรม หนึ่งบาปทำ หนึ่งทราย เม็ดร่วงดิน
ครั้นเสร็จการ พระเจ้า ก็ทรงจาก มนุษย์โดยมาก หยาบช้า อยู่นิจสิน
ไม่หวาดกลัว ทำบาป คุ้นชาชิน หนึ่งเม็ดทราย มิถวิล ทำร้ายตน
ครั้นจำเนียร ผ่านกาล ไปนานเนิ่น เม็ดทรายนั้น ถมเทิน หลายหลากล้น
ทะเลทราย ก่อเกิด จากบาปชน จึงทั่วหน ทุ่งทราย มากมายเอยฯ
๕.
คตินิทาน เรื่องนี้ ท่านสอนว่า
หากทำชั่ว บาปหนา เนิ่นนานเข้า
บาปชั่วนั้น ปรากฏ มิผ่อนเพลา
ยิ่งมากชั่ว เรื่องราว ยิ่งชัดเจนฯ
๖.
ชนผู้โฉดชั่วช้า กล้าแต่ก่อเรื่องร้าย เนิ่นนานไซร้ทำบาป จ้วงจาบมิรู้สิ้น ทุรายดิ้นก่อพาล อยู่ช้านานมิหยุด ใครฉุดบ่พ้นปลัก บาปหนักมากชั่วแท้ ผู้อื่นรู้ล่วงแล้ ชั่วนั้นยิ่งระบือ ไกลนาฯ
๗.
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
“ทำชั่วมากๆ ยิ่งนานเท่าไร ก็ยิ่งเห็นชัดขึ้นเท่านั้น”
ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :
ระนาดเอก
,
masapaer
บันทึกการเข้า
~รวมทุกสำนวนของ"สนอง เสาทอง"ครับ ~
สนอง เสาทอง
นักกลอนผู้อ่อนไหว
ออฟไลน์
กระทู้: 136
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
|
Re: ศตอีสปนิทานคำกรอง (โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
«
ตอบ
#9 เมื่อ:
04 กันยายน, 2556, 09:48:30 AM »
หน้าแรก
Re: ศตอีสปนิทานคำกรอง (โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
ศตอีสปนิทานคำกรอง
(โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
๑๐.
นกกับมด
๑.
อันความดีอย่าร้าง เลิกทำ
อุตส่าห์เพียรมุ่งย้ำ เนื่องสร้าง
มโนแน่วหนุนนำ ตั้งมั่น ท่านนา
อย่าเหนื่อยล้าปัดอ้าง ชั่วแพร้วระบัดสมัยฯ
๒.
คนดีคนชั่ว ถ้วนทั่วปนเป
คนดีว้าเหว่ มีน้อยอยู่ยิ่ง
คนชั่วมากมาย ก่อร้ายมากสิ่ง
คนดีเฉยนิ่ง คนชั่วลำพองฯ
๓.
ความดีไม่มีขาย ชนอยากได้ตั้งใจทำ
โลกีย์อย่าเกลือกกล้ำ อวยศีลธรรมนำทางตน
ละเลิกกิเลสไสย เลี่ยงลี้ไกลอย่าข้องหน
ทำดีเถิดผองชน ให้โลกล้นแต่คนดีฯ
๔.
กาลครั้งหนึ่ง คามเขต ถิ่นไพรสี สัตว์ใหญ่น้อย ถ้อยที ถ้อยอาศัย
ทั่วป่าจึง อบอวล ล้วนน้ำใจ ทุกชีวิน สดใส ไร้บีฑา
มาวันหนึ่ง ทินกร สาดแสงอุ่น ไร้เมฆเทา วิรุณ จะโถมถา
เจ้ามดน้อย ค่อยไต่ เลาะราวพนา ใกล้หน้าหนาว เสาะหา อาหารตุน
มดเลาะเดิน ริมฝั่ง ทะเลสาบ ดั่งกรรมบาป ก้าวเร่ง อย่างหันหุน
อนิจจา ลื่นไถล เซซุกซุน ใจว้าวุ่น หล่นน้ำ ร่ำไห้นอง
ฝ่ายวิหค เหินฟ้า อยู่ใกล้ใกล้ เจ้าใจหาย เห็นมด ตะกายร้อง
คาบใบไม้ ทิ้งน้ำ แล้วเฝ้ามอง มดเกาะใบ ไม้ว่อง จึงรอดตาย
มาวันหนึ่ง ถึงคราว วิหคบ้าง เพลินแต่สาง ร้องเพลง จวบแดดสาย
มีพรานปืน จ้องอยู่ ไม่รู้กาย มิดูดาย มดคิด ช่วยสกุณา
เจ้ามดน้อย คิดพลาง ก้าวรีบเร่ง ใจนักเลง ไต่ขึ้น พรานไพรขา
กัดทันใด เจ็บพราน ร้องออกมา ตื่นรู้ตัว สกุณา บินลับเอยฯ
๕.
คตินิทาน เรื่องนี้ ท่านสอนว่า
ทำสิ่งใด มิช้า ได้เช่นนั้น
เช่นมดนก ทำดี มีให้กัน
ความดีนั้น ย้อนท่าน ตอบแทนเอยฯ
๖.
อันสิ่งใดตนทำ ย่อมย้อนนำคืนตอบ ทำชอบย่อมคืนชอบ ชั่วทำมอบผู้ใด ไม่ช้าในตอบคืน อย่าขืนความดีเถิด ย่อมเกิดดีย้อนกลับ เนื่องนับอยู่ไม่สิ้น ชั่วปลักบ่จ่อมดิ้น สุขแท้เสมอสมัย ท่านนาฯ
๗.
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
“ทำสิ่งใด ย่อมได้สิ่งนั้นตอบแทน”
ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :
ระนาดเอก
,
masapaer
บันทึกการเข้า
~รวมทุกสำนวนของ"สนอง เสาทอง"ครับ ~
สนอง เสาทอง
นักกลอนผู้อ่อนไหว
ออฟไลน์
กระทู้: 136
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
|
Re: ศตอีสปนิทานคำกรอง (โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
«
ตอบ
#10 เมื่อ:
04 กันยายน, 2556, 10:07:37 AM »
หน้าแรก
Re: ศตอีสปนิทานคำกรอง (โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
ศตอีสปนิทานคำกรอง
(โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
๑๑.
หมาในกับเจ้าป่า
๑.
อันสิงโตแกว่นกล้า ปกครอง
สัตว์ทั่วไพรถ้วนผอง ใหญ่น้อย
เคารพยิ่งยกย่อง เจ้าป่า
ถือค่าแห่งคำถ้อย ท่านชี้คดีความฯ
๒.
สิงโตเจ้าป่า ถือค่าอำนาจ
ตัดสินชี้ขาด เรื่องราวขัดแย้ง
ส่ำสัตว์ทั่วไป ผิดใดร้ายแรง
สิงห์เจ้าจัดแจง ลงโทษตามทัณฑ์ฯ
๓.
สิงโตเจ้าพงไพร กำแหงไกรกำลังมาก
หาสัตว์ใดเทียมยาก อาจลำบากหากคิดสู้
อำนาจล้นป่ากว้าง สัตว์หลีกห่างฤทธิ์เดชรู้
คำรามเสียงก้องขู่ ใครไม่อยู่ตื่นหนีพลันฯ
๔.
กาลครั้งหนึ่ง เจ้าป่า สิงโตใหญ่ ผู้ปกครอง พงไพร อาณากว้าง
เพียรค่ำเช้า ตระเวน ไม่เว้นวาง อำนาจสร้าง เหนือใคร ในผู้นำ
ในครานั้น ฝูงสัตว์ ทั่วไพรสัณฑ์ ต่างคร้ามพรั่น สิงโต อำนาจล้ำ
ข้อพิพาท น้อยใหญ่ สิงโตคำ พิพากษา ชี้ย้ำ ไม่ดื้อดึง
มาวันหนึ่ง เจ้าป่า เลือกผู้ช่วย เพื่ออำนวย ปกครอง ให้ทั่วถึง
จึงเอื้อนเอ่ย หมาใน เจ้าจงพึง ทำหน้าที่ อันซึ่ง ช่วยควบคุม
ฝ่ายหมาใน นับถือ และเลื่อมใส ทั้งคร้ามกลัว เจ้าไพร ผู้สุขุม
เมื่อแรกทำ หน้าที่ เคร่งรัดกุม ขันแข็งงาน ทุ่มเท ไม่ร่ำไร
ครั้นนานเข้า หมาใน ก็หายหวาด ในอำนาจ ศรีศักดิ์ เจ้าป่าใหญ่
จากเคยกลัว หมดเกรง ไม่สนใจ จากเคารพ แสร้งไฉ อยู่เนืองนิตย์
เมื่อสรรพสัตว์ ทั้งหลาย เห็นเช่นนั้น ต่างสงสัย มากครัน เห็นแปลกผิด
จึงถามไถ่ ให้หาย คับข้องจิต ไม่เบือนบิด หมาใน ไขความจริง
สหายข้าเอ๋ย ก่อนนั้น ข้ารู้เห็น ก็เฉกเช่น หน้ากาก ของท่านสิงห์
ผดุงคุณธรรม เลื่อมใส ได้พึ่งพิง แต่ทุกสิ่ง กลอกกลิ้ง ล้วนหลอกลวง
ด้วยหลังฉาก เจ้าป่า สันดานหยาบ ทำชั่วบาป หลากเรื่อง มานานล่วง
ตัดสินใคร โทษผิด สิ้นทั้งปวง ท่านหนักหน่วง ทำผิด ยิ่งกว่าเอยฯ
๕.
คตินิทาน เรื่องนี้ ท่านสอนว่า
อันผู้นำ ชั่วช้า คุณธรรมสิ้น
หาผู้ใด ยำเกรง ทั่วแผ่นดิน
ถูกหยันหมิ่น ติฉิน เดียดฉันเอยฯ
๖.
อันผู้นำชั่วช้า บ้าอำนาจหลงเมา ท่านบ่เอาคุณธรรม ใครบ่ยำเกรงทั่ว ด้วยชั่วแต่ท่านสร้าง ใครอ้างเฝ้าติฉิน นินทาชังเดียดฉัน ถูกหมิ่นหยันต่อหน้า ใครบ่กลัวตีกล้า หมดสิ้นนับถือ ท่านนาฯ
๗.
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
“ผู้นำที่ไร้คุณธรรม คนก็จะขาดความนับถือยำเกรง”
ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :
ระนาดเอก
,
masapaer
บันทึกการเข้า
~รวมทุกสำนวนของ"สนอง เสาทอง"ครับ ~
สนอง เสาทอง
นักกลอนผู้อ่อนไหว
ออฟไลน์
กระทู้: 136
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
|
Re: ศตอีสปนิทานคำกรอง (โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
«
ตอบ
#11 เมื่อ:
04 กันยายน, 2556, 10:16:45 AM »
หน้าแรก
Re: ศตอีสปนิทานคำกรอง (โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
ศตอีสปนิทานคำกรอง
๑๒.
ห่านอยากเป็นหงส์
๑.
อันห่านดินต่ำหญ้า วานวงศ์
เผยอหยิ่งเทียมศักดิ์หงส์ เผ่าฟ้า
บ่เจียมเหล่าเทือกพงศ์ เชื้อห่าน ดินนา
เหิมเห่อชูคอกล้า เทียบชั้นหงส์ไฉนฯ
๒.
ห่านดินต่ำพงศ์ เห็นหงส์เชื้อฟ้า
คิดเหิมอวดอ้า อ้างตนเทียมชั้น
วางท่าเลียนหงส์ แต่งองค์เพียรปั้น
ห่านเทียบหงส์นั้น สูงฟ้าต่ำดินฯ
๓.
ห่านดินค่าต่ำหญ้า คิดเผยอหน้าเคียงศักดิ์หงส์
วางท่านวยนาดองค์ แต่งประจงวาดกรีดกราย
เหิมเห่อชูคอผยอง เหยาะเยื้องมองปั้นเฉิดฉาย
ใครเห็นต่างหน้าส่าย ด้วยไม่คล้ายเช่นจริตหงส์ฯ
๔.
กาลครั้งหนึ่ง ห่านหงส์ ร่วมบึงใหญ่ เชื่อมคูคลอง ทอดไกล สู่แม่น้ำ
ต่างหากิน ฝูงตน ถิ่นประจำ ไม่รุกล้ำ แยกพันธุ์ พงศ์สกุณ
มาวันหนึ่ง มีห่าน เริ่มโตสาว ขนใสขาว พราวสวย เต็มวัยรุ่น
แสนภาคภูมิ ไซ้ขน แพรวละมุน เทียววายวุ่น วนว่าย อวดรอบบึง
เจ้าเพลิดเพลิน ว่ายไถล ใกล้ถิ่นหงส์ ให้งวยงง หงส์สง่า ดูน่าทึ่ง
ห่านสาวเพิ่ง พบพาน จึงตะลึง ชะโงกน้ำ รำพึง กับเงาตน
ใต้โลกหล้า ขนขาว ของเรานี้ ใช่หมองศรี ต่ำเชื้อ กว่าหงส์ขน
แต่นี้ไป ขอเปลี่ยน ในบัดดล สู่วงศ์หน หงส์ศักดิ์ ปภัสรา
คิดดังนั้น ห่านเจ้า ยืดคอเชิด ปั้นหรูเริ่ด ฝืนเจ็บ ข่มเมื่อยล้า
เหยาะเยื้องย่าง เลียนชั้น หงส์ลีลา ปั้นวางท่า ทรงศักดิ์ ขืนดื้อดัน
อนิจจา ห่านนั้น ยังเป็นห่าน คืนวันผ่าน เมื่อยปวด ท่าวางปั้น
ไม่มีใคร ว่าหงส์ ในยืนยัน ด้วยเจ้านั้น เชื้อพันธุ์ ห่านดินเอยฯ
๕.
คตินิทาน เรื่องนี้ ท่านสอนว่า
อันห่านดิน ต่ำค่า วานวงศ์นั้น
คิดเปลี่ยนตน เช่นหงส์ ชั้นผ่องพรรณ
แม้ดึงดัน ท่าปั้น ไม่เหมือนเอยฯ
๖.
ห่านดินเชื้อต่ำหญ้า อวดอ้าคิดเทียมหงส์ วางองค์เชิดคอปั้น ดื้อรั้นเหยาะเยื้องย่าง เลียนต่างหงส์ลีลา ใครนินทาเจ้าเมิน เพลิดเพลินจำแลงจริต เนื่องนิจเผยอเชิดรั้น คิดเทียบหงส์เด่นชั้น เผ่าฟ้าเสมอไฉน ตรองเทอญฯ
๗.
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
“ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงตัวตนที่แท้จริงของตนได้”
ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :
ระนาดเอก
,
masapaer
บันทึกการเข้า
~รวมทุกสำนวนของ"สนอง เสาทอง"ครับ ~
สนอง เสาทอง
นักกลอนผู้อ่อนไหว
ออฟไลน์
กระทู้: 136
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
|
Re: ศตอีสปนิทานคำกรอง (โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
«
ตอบ
#12 เมื่อ:
04 กันยายน, 2556, 10:27:41 AM »
หน้าแรก
Re: ศตอีสปนิทานคำกรอง (โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
ศตอีสปนิทานคำกรอง
(โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
๑๓.
ใครสำคัญกว่า
๑.
มวลสรรพสัตว์โอ่อ้าง อวดตน
ใครยิ่งสำคัญล้น เด่นชั้น
ปั้นตนย่ำเขื่องข่ม ถ้อยหมิ่น
อันค่าสิ้นถ้วนนั้น ท่านข้าสำคัญเสมอฯ
๒.
สัตว์ป่าน้อยใหญ่ อาศัยร่วมถิ่น
ต่างล้วนถ้อยชิน ข่มเขื่องโอภา
ยกตนเหนือท่าน สำคัญอ้างค่า
หยันหมิ่นนานา ผู้อื่นต่ำตนฯ
๓.
สรรพสัตว์ทั่วคามไพร อ้างตนใหญ่เหนือใครผู้
ถ้อยคำสรรเสริญชู พล่ามเขื่องขู่ข่มเหยียดหยัน
ยกตนสำคัญยิ่ง ต่างผยองหยิ่งคับไพรสัณฑ์
ห่อนรู้ถ้วนสัตว์นั้น ล้วนสำคัญเท่าเทียมเสมอฯ
๔.
กาลครั้งหนึ่ง ส่ำสัตว์ ทั่วไพรสัณฑ์ ต่างเย้ยหยัน อ้างถ้อย ยกท่านข่ม
คิดโอ่ตน ให้ใคร ชื่นนิยม ใครอื่นนั้น โง่งม ต่ำเตี้ยดิน
มาวันหนึ่ง นกยูง และกระเรียน พร่ำจำนรรจ์ วกเวียน มุ่งข่มลิ้น
ใครสำคัญ สวยสง่า ผ่องโสภิณ สองสกุณิน กล่าวอ้าง เข้าทางตัว
ดูก่อนสหาย กระเรียน ในตัวเจ้า ขนสีขาว ดอกเลา ช่างน่าหัว
กิริยา ไม่งาม ดูหมองมัว ใช่ยวนยั่ว ข้านี้ พูดความจริง
นกยูงขา ข้านี้ แม้สีสัน ไม่เฉิดฉัน ลวดลาย เลอเลิศพริ้ง
เจ้ารำแพน กรีดกราย อยู่ระวิง ต่ำเตี้ยยิ่ง ว่อนพื้น ช่างน่าอาย
แล้วเยี่ยงนี้ อ้างตน สำคัญไฉน ข้าบินไกล สูงฟ้า ฟ้อนรำร่าย
เยี่ยงสกุณา อิสรา ท่องนภาลัย เจ้ารำแพน กรีดกราย ต่ำดินเอยฯ
๕.
คตินิทาน เรื่องนี้ ท่านสอนว่า
หามีใคร เด่นกว่า ในทุกเรื่อง
ล้วนสำคัญ เสมอค่า ต่างประเทือง
อย่าวางเขื่อง ยกตน ข่มท่านเอยฯ
๖.
ทุกถ้วนชนทั่วหล้า ใช่สูงฟ้าต่ำดิน พึงยลยินสดับเถิด ล้วนเกิดร่วมชาติภพ นบศักดิ์ศรีเสมอค่า อย่าหลงตนเพ้อพร่ำ อย่าย่ำเหยียบใครอื่น ควรตื่นรู้รอบถ้วน ชนทุกผู้แต่ล้วน ท่านข้าสำคัญ เสมอนาฯ
๗.
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
“ไม่มีใครดีกว่าใครไปหมดทุกเรื่อง”
ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :
ระนาดเอก
,
masapaer
บันทึกการเข้า
~รวมทุกสำนวนของ"สนอง เสาทอง"ครับ ~
สนอง เสาทอง
นักกลอนผู้อ่อนไหว
ออฟไลน์
กระทู้: 136
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
|
Re: ศตอีสปนิทานคำกรอง (โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
«
ตอบ
#13 เมื่อ:
04 กันยายน, 2556, 10:48:32 AM »
หน้าแรก
Re: ศตอีสปนิทานคำกรอง (โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
ศตอีสปนิทานคำกรอง
(โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
๑๔.
เทียนไขคุยโว
๑.
อันเทียนไขสว่างจ้อย วูบวาย
ถ้อยหมิ่นสุรีย์ฉาย แจ่มหล้า
ข่มแขเด่นดาวราย แจ้งกระจ่าง
เที่ยวโอ่อ้างเบ่งท้า ห่อนรู้ประมาณตนฯ
๒.
เทียนไขแสงจ้อย เหิมถ้อยอวดอ้าง
อาทิตย์หนีห่าง อย่าเทียบแสงตน
แม้ดาวเดือนจ้า หมองค่าบัดดล
แสงข้ามากล้น ยิ่งล้ำเหนือสิ้นฯ
๓.
เทียนไขแสงกระจ้อย โอ่ข่มถ้อยเหลือประมาณ
อาทิตย์แสงโชติฉาน หรืออาจต้านแสงข้านี้
เดือนดาวพร่างพราวฟ้า แค่พริบพร่าแต้มราตรี
อวดเขื่องแสงฤทธี ห่อนรู้ที่ประมาณตนฯ
๔.
กาลครั้งหนึ่ง เทียนไข อยู่ในบ้าน ใครแวะผ่าน เยี่ยมพัก จุดสว่างจ้า
ครั้นนานล่วง เทียนใหญ่ ด้วยน้ำตา ของเทียนหยด ลงมา หุ้มแท่งเทียน
เมื่อเทียนไข เห็นกาย ตนนั้นใหญ่ ภาคภูมิใจ คุยโอ่ ไม่กระเมี้ยน
อันแสงข้า สว่างไสว ใช่นวลเนียน เช่นอื่นเทียน แหร่มหรอย แสงน้อยนิด
มาวันหนึ่ง มีแขก แวะมาเยี่ยม เจ้าไม่เจียม อวดโอ่ อ้างแสงฤทธิ์
ชั้นสุรีย์ ดาวเดือน ใช่เบือนบิด แสงกระจิด กระจ้อย กว่าข้านัก
คำเทียนไข โอ่ข่ม อวดเขื่องกร่าง พลันลมผ่าน หน้าต่าง โชกกระชัก
วูบเดียวแสง เทียนดับ เหนือเชิงปัก แขกผู้พัก เห็นพลาง ท่านเวทนา
เทียนไขเอ๋ย อวดแสง โอ่ร้องป่าว เหนือทินกร เดือนดาว พร่างเวหา
เพียงวูบลม พัดดับ สิ้นฤทธา ไม่ประมาณ ตนค่า เจียมตัวเอยฯ
๕.
คตินิทาน เรื่องนี้ ท่านสอนว่า
จงรู้ค่า ตนนั้น ประมาณไหน
อย่าโอ่อ้าง ข่มท่าน เหนือใครใคร
รู้ประมาณ เจียมใจ เจียมตนเอยฯ
๔.
ชนพึงประมาณตน ยลรู้ค่าศักดิ์ยิ่ง ผยองหยิ่งลำพองเขลา หลงเงารูปมายา น่าเวทนายิ่งนัก กว่าประจักษ์เมื่อสาย หัดอายตัวเจียมนิ่ง ใครหน่ายยิ่งท่านถ้อย ด้วยบ่จริงแต่น้อย เสื่อมสิ้นราศี ท่านเอยฯ
๗.
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
“จงรู้จักประมาณตัว”
ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :
ระนาดเอก
,
masapaer
บันทึกการเข้า
~รวมทุกสำนวนของ"สนอง เสาทอง"ครับ ~
สนอง เสาทอง
นักกลอนผู้อ่อนไหว
ออฟไลน์
กระทู้: 136
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
|
Re: ศตอีสปนิทานคำกรอง (โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
«
ตอบ
#14 เมื่อ:
04 กันยายน, 2556, 11:00:34 AM »
หน้าแรก
Re: ศตอีสปนิทานคำกรอง (โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
ศตอีสปนิทานคำกรอง
(โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
๑๕.
ลิงกับปู
๑.
อันสันดานคดฉ้อ แม่ปู
พลิ้วเหลี่ยมเชิงแต้มคู เล่ห์จ้าง
ลิงถูกหลอกเสียรู้ เลี้ยงลูก ปูนา
ทวงค่าจ้างตอบบ้าง ดอกเบี้ยทบประดาฯ
๒.
แม่ปูคดฉ้อ หลอกล่อจ้างลิง
เลี้ยงลูกวุ่นวิ่ง ปูน้อยดื้อซน
ค่าจ้างเบี้ยวจ่าย ลิงร้ายเล่ห์กล
กินลูกปูจน หมดสิ้นถ้วนตัวฯ
๓.
แม่ปูเหลี่ยมเล่ห์ร้าย คิดหลอกใช้ลิงเปล่าเปล่า
วุ่นเลี้ยงลูกปูเจ้า เบี้ยวค่ำเช้าค่าแรงจ้าง
ลิงวอกแต้มคูชั้น รู้ทันกันเชิงไม่ห่าง
ลูกปูจับกินพลาง แทนค่าจ้างค้างแม่ปูฯ
๔.
กาลครั้งหนึ่ง แม่ปู กับลิงจ๋อ ต่างชอบพอ พาที อัธยาศัย
แม่ปูเหนื่อย เลี้ยงลูก ซนวุ่นไว คิดหลอกใช้ จ้างลิง เลี้ยงลูกตัว
จึงแสร้งกล่าว ขอร้อง ลิงจ๋อสหาย เจ้าช่างสบาย ไม่มี ลูกเยี้ยยั้ว
ข้าซิแย่ ลูกมาก อยู่พันพัว เลี้ยงครอบครัว แสนหนัก ลำบากจริง
จ๋อเพื่อนเกลอ วานหน่อย เลี้ยงลูกข้า จ่ายค่าจ้าง อัตรา มากเสียยิ่ง
โปรดรับคำ วานช่วย อย่าประวิง วอนเพื่อนลิง เห็นใจ ช่วยแบ่งเบา
เจ้าลิงจ๋อ รับคำ อย่างง่ายง่าย มีรายได้ ดีกว่า อยู่เปล่าเปล่า
ปูกับลิง ตกลง เสร็จเธอเรา แม่ปูส่ง ลูกเช้า เย็นรับไป
เลี้ยงวันแรก แม่ปู รับลูกกลับ พาไปลับ ค่าจ้าง ไม่จ่ายให้
เจ้าลิงจ๋อ ทีแรก ไม่เอะใจ วันหน้าคง จ่ายใช้ ไม่สงกา
ในทุกเย็น ยังเป็น อยู่เช่นนั้น เจ้าจ๋อพลัน ฉุกคิด ว่าเสียท่า
ต้องเอาคืน เบี้ยจ้าง ที่ค้างคา กินลูกปู ต่างค่า เลี้ยงดูเอยฯ
๕.
คตินิทาน เรื่องนี้ ท่านสอนว่า
คนคดโกง นั่นหนา จะบอกให้
ในไม่ช้า ถูกโกง คืนกลับไป
หนักยิ่งกว่า โกงไว้ ทีแรกเอยฯ
๖.
เหลี่ยมเล่ห์ร้ายโฉดชน ฉ้อฉลปลิ้นปล้อนหลอก ในนอกล้วนทุรจิต คิดเอาเปรียบแต่ได้ เที่ยวหลอกไว้ผู้อื่น ลมลิ้นลื่นคารม สมประโยชน์ตนล่อ บ่เนิ่นเขาจับได้ ตอบท่านคืนนั่นไซร้ ชดใช้ทบสม ท่านนาฯ
๗.
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
“คนที่คดโกง ท้ายสุดก็จะโดนเขาโกงคืนมากเสียยิ่งกว่าที่โกงเขาไป”
ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :
ระนาดเอก
,
ศิลาสีรุ้ง
,
masapaer
บันทึกการเข้า
~รวมทุกสำนวนของ"สนอง เสาทอง"ครับ ~
หน้า: [
1
]
2
3
ขึ้นบน
พิมพ์
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
กระโดดไป:
เลือกหัวข้อ:
-----------------------------
บทกลอนไพเราะ
-----------------------------
=> กลอนรัก
=> กลอนเศร้า
=> กลอนคิดถึง
=> กลอนงอนง้อ
=> กลอนคลายเครียด
=> กลอนให้แง่คิด
=> กลอนอวยพร
=> บทประพันธ์อันน่าประทับใจ
=> กลอนเปล่า
=> เรื่องสั้น แนวนิยาย
-----------------------------
อารมณ์กลอน
-----------------------------
=> การใช้งานบอร์ด-แจ้งปัญหา
=> สมาชิกแนะนำตัว
=> สารบัญกลอน สมาชิกกลอน
=> ห้องเรียนรู้คำประพันธ์
=> โคลง
=> ฉันท์ กาพย์ ร่าย
=> กลบท
=> คำคมอารมณ์กลอน
===> หมวดความรัก
===> หมวดเศร้า - อกหัก
===> หมวดการให้แง่คิด
===> หมวดคลายเครียด
-----------------------------
คุยเรื่องร้อยแปดชาวอารมณ์กลอน
-----------------------------
=> กระดานประชาสัมพันธ์สำหรับสมาชิก
=> คุยได้ทุกเรื่อง
=> ดูหนัง-ฟังเพลง-คลิปความบันเทิง
=> ขอความช่วยเหลือในการแต่งคำประพันธ์
-----------------------------
กฎระเบียบและการจัดการประกวดคำประพันธ์
-----------------------------
=> ห้องประกวดคำประพันธ์
กำลังโหลด...