Username:
Password:
หน้าแรก
ห้องสนทนา
ช่วยเหลือ
ค้นหา
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
เว็บไซต์อารมณ์กลอน เว็บไซต์สำหรับผู้มีกลอนในหัวใจ..
>>
บทกลอนไพเราะ
>>
กลอนให้แง่คิด
>>
เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
หน้า: [
1
]
2
3
ลงล่าง
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
พิมพ์
ผู้เขียน
หัวข้อ: เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน (อ่าน 19328 ครั้ง)
0 สมาชิก
และ 5 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สมพงศ์ ชูสุวรรณ
นักกลอนผู้รอบรู้
ออฟไลน์
กระทู้: 416
สมาชิกดีเด่นประจำเดือนนี้..
สมาชิกดีเด่นประจำเดือนนี้..
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
|
เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
«
เมื่อ:
21 มีนาคม, 2559, 04:14:41 PM »
หน้าแรก
เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
โดย สมพงศ์ ชูสุวรรณ
***************************
ตอน บทเกริ่นนำ
** ขอนอบน้อมบูชาพระไตรรัตน์
น้อมมนัสตั้งจิตมั่นไม่หวั่นไหว
กราบบูชาระลึกคุณเทิดทูนไว้
เหนือสิ่งใดเป็นสำคัญอย่างมั่นคง
** กราบพระพุทธสุดประเสริฐเลิศล้ำโลก
ไม่มีทุกข์ ไม่มีโศก โลภ โกรธ หลง
พระผู้ตื่นผู้รู้แจ้งด้วยพระองค์
เป็นผู้ทรงปัญญาเหนือกว่าใคร
** กราบพระธรรมคำสอนพระศาสดา
น้อมนำมาปฏิบัติด้วยเลื่อมใส
ชำระกายวาจาและจิตใจ
ขอจงได้นำส่งสู่นิพพาน
** กราบพระสงฆ์องค์สืบต่อพระศาสนา
ทรงคุณค่ายิ่งใหญ่ในสงสาร
ประพฤติดีประพฤติชอบตลอดกาล
เป็นวงศ์วานพุทธองค์พระทรงธรรม์
** กราบพระคุณแม่พ่อผู้ก่อเกิด
ให้กำเนิดชีวิตคิดรังสรรค์
เป็นพรหมและอาจารย์พร้อมพร้อมกัน
พระอรหันต์สอนลูกเป็นคนดี
** เฝ้าถนอมดูแลและกล่อมเกลี้ยง
แม้ทุกข์ยากเต็มใจเลี้ยงไม่หน่ายหนี
เสียสละทุกอย่างแม้ชีวี
เพื่อลูกมีความสุขปลอดทุกข์ภัย
** กราบแทบเท้าคุณครูและอาจารย์
ผู้ให้การอบรมบ่มนิสัย
และสั่งสอนวิชาการให้ตามวัย
งานวิจัยสืบค้นพร่ำบ่นเพียร
** ในวันนี้จะทำงานอย่าสับสน
จงช่วยดลเกิดปัญญาขณะเขียน
ท่านผู้อ่านประทับใจไม่ติเตียน
หากผิดเพี้ยนก็ว่าดีมีเมตตา
สมพงศ์ ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา
ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :
สิริวตี
,
masapaer
,
ระนาดเอก
,
รพีกาญจน์
บันทึกการเข้า
สมพงศ์ ชูสุวรรณ ขอบคุณภาพจากอินเทอร์เน็ตและทุก ๆ แหล่งข้อมูลครับ
~รวมทุกสำนวนของ"สมพงศ์ ชูสุวรรณ"ครับ ~
สมพงศ์ ชูสุวรรณ
นักกลอนผู้รอบรู้
ออฟไลน์
กระทู้: 416
สมาชิกดีเด่นประจำเดือนนี้..
สมาชิกดีเด่นประจำเดือนนี้..
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
|
Re: พระนางสามาวดีคำกลอน
«
ตอบ
#1 เมื่อ:
21 มีนาคม, 2559, 05:35:58 PM »
หน้าแรก
Re: พระนางสามาวดีคำกลอน
เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
โดย สมพงศ์ ชูสุวรรณ
***************************
ตอน กษัตริย์ ๒ สหาย
** จะขอกล่าวเล่าเรื่องแต่เบื้องหลัง
เมื่อคราวครั้งพุทธกาลนานหนักหนา
องค์สมเด็จพระบรมศาสดา
ทรงประทับ ณ พาราโกสัมพี
** ทรงปรารภการตายของหญิงสาว
เป็นเรื่องราวในอดีตของโฉมศรี
มาคันทิยา และ สามาวดี
จึงทรงมีพระธรรมเทศนา
** ในครานั้นยังมีสองกษัตริย์
ครองสมบัติเริงรื่นชื่นหรรษา
เป็นสหายรักกันเนิ่นนานมา
ตั้งแต่เรียนวิชาครั้งยังเยาว์
** องค์หนึ่งชื่อว่า "อัลลกัปปะ"
สถานะยิ่งใหญ่ไม่อับเฉา
ตั้งมั่นอยู่ในธรรมไม่มัวเมา
ทรงแนบเนาเป็นที่รักของทุกคน
** อีกองค์หนึ่ง "เวฏฐทีปกะ"
ทรงยึดมั่นธรรมะไม่หมองหม่น
ทรงปกครองไพร่ฟ้ามหาชน
ไร้กังวลเกิดสุขทุกข์ห่างไกล
** ครั้นเวลาผ่านไปจึงได้คิด
แสนอนาถชีวิตเสียไฉน
มาปล่อยให้เวลาล่วงเลยไป
มัจจุราชเป็นใหญ่เฝ้ารังควาญ
** ทุกคนที่เกิดมาในหล้าโลก
วิปโยคชีวิตไร้แก่นสาร
ขาดที่พึ่งใดใดไม่เบิกบาน
มีแต่ทุกข์อันธกาลสุดเศร้าใจ
** จึงชวนกันออกบวชเป็นฤๅษี
ด้วยความหวังจะมีธรรมบทใหม่
มาชำระสะสางกายข้างใน
จะเกิดความสดใสที่แท้จริง
** เพื่อเป็นการปฏิบัติที่ยิ่งใหญ่
จึงตั้งใจแยกกันไม่สุงสิง
อยู่ห่างกันคนละทิศจิตประวิง
บำเพ็ญเพียรอย่างยิ่งเข้าใจกัน
** ตกลงกันไว้ว่าจะจุดไฟ
ถ้าเมื่อใดไฟดับต้องคับขัน
หากไม่ป่วยก็ตายลงไปพลัน
เป็นสัญญาณผูกพันเพียงสองคน
สมพงศ์ ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา
ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :
masapaer
,
รพีกาญจน์
บันทึกการเข้า
สมพงศ์ ชูสุวรรณ ขอบคุณภาพจากอินเทอร์เน็ตและทุก ๆ แหล่งข้อมูลครับ
~รวมทุกสำนวนของ"สมพงศ์ ชูสุวรรณ"ครับ ~
สมพงศ์ ชูสุวรรณ
นักกลอนผู้รอบรู้
ออฟไลน์
กระทู้: 416
สมาชิกดีเด่นประจำเดือนนี้..
สมาชิกดีเด่นประจำเดือนนี้..
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
|
Re: พระนางสามาวดีคำกลอน
«
ตอบ
#2 เมื่อ:
21 มีนาคม, 2559, 06:27:43 PM »
หน้าแรก
Re: พระนางสามาวดีคำกลอน
เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
โดย สมพงศ์ ชูสุวรรณ
***************************
ตอน เรียนมนต์และพิณ
** ครั้นเวลาผ่านไปไม่นานนัก
ฤๅษีที่พำนักในไพรสณฑ์
"เวฎฐทีปกะ"บำเพ็ญตน
ถึงเวลาต้องพ้นละโลกไป
** ครบครึ่งเดือนเพื่อนรู้ว่าตายแน่
เป็นกรรมแท้ของมนุษย์สุดแก้ไข
อัน เกิด แก่ เจ็บ ตาย มิเว้นใคร
ย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้อย่างแน่นอน
** บังเกิดเป็นเทพเจ้ามีศักดิ์ใหญ่
สถิตในวิมานสโมสร
คิดไปเยี่ยมเพื่อนรักด้วยอาวรณ์
จึงรีบจรอำพรางอย่างหลงทาง
** ถึงสำนักอัลละท่านดาบส
ตามกำหนดยืนไหว้อยู่ห่างห่าง
ท่านอัลละมองเห็นจึงละวาง
ภารกิจทุกอย่างในทันที
** ท่านเป็นใครจากไหนโปรดแถลง
จงชี้แจงการเข้ามาที่นี่
เราหลงทางกลางป่าพนาลี
ไม่ได้มีเจตนาจะฆ่าฟัน
** จึงถามว่าท่านอยู่ผู้เดียวหรือ
อัลละจึงร้องฮือใช่แล้วนั่น
แต่ก่อนนี้มีเพื่อนที่รักกัน
ต้องจาบัลย์เศร้าโศกละโลกแล้ว
** เทพเจ้าบอกว่าคือข้านี้
ครั้นเมื่อสิ้นชีวีใจผ่องแผ้ว
อุบัติในวิมานอันเพริศแพรว
ปราสาทแก้วที่พักในวิมาน
** ท่านเดือดเนื้อร้อนใจอะไรบ้าง
อย่าอำพรางบอกไปรีบไขขาน
มีศัตรูหมู่สัตว์มาแผ้วพาน
ให้รำคาญเดือดร้อนจะผ่อนปรน
** ท่านอัลละบอกว่าข้าเดือดร้อน
มีช้างจรมากมายทำลายป่น
มาถ่ายมูลทิ้งไว้สุดจะทน
แสนอับจนแก้ไขไม่ได้เลย
** เทพบุตรบอกว่าต่อไปนี้
ขอท่านพี่จงนั่งอยู่เฉยเฉย
จะไม่มีช้างป่านะท่านเอย
มารบกวนอย่างเคยอย่าห่วงใย
** จึงมอบพิณและมนต์กำกับช้าง
เป็นแนวทางดูแลและแก้ไข
เมื่อดีดพิณสายหนึ่งขึ้นคราใด
ช้างหนีไปไม่หันมาเหลียวมอง
** ถ้าต้องการให้หันแต่วิ่งหนี
กำกับมนต์พร้อมทีดีดสายสอง
สายที่สามทำให้เกิดปรองดอง
ช้างจะหมอบประคองอัญชุลี
** นับแต่นั้นดาบสได้ไล่ช้าง
ไม่ให้มากีดขวางในพื้นที่
ความสุขและสบายจึงเกิดมี
เพราะมนต์ดีมีพิณจึงสุขใจ
สมพงศ์ ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา
ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :
masapaer
,
ระนาดเอก
,
รพีกาญจน์
บันทึกการเข้า
สมพงศ์ ชูสุวรรณ ขอบคุณภาพจากอินเทอร์เน็ตและทุก ๆ แหล่งข้อมูลครับ
~รวมทุกสำนวนของ"สมพงศ์ ชูสุวรรณ"ครับ ~
สมพงศ์ ชูสุวรรณ
นักกลอนผู้รอบรู้
ออฟไลน์
กระทู้: 416
สมาชิกดีเด่นประจำเดือนนี้..
สมาชิกดีเด่นประจำเดือนนี้..
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
|
Re: พระนางสามาวดีคำกลอน
«
ตอบ
#3 เมื่อ:
21 มีนาคม, 2559, 06:30:27 PM »
หน้าแรก
Re: พระนางสามาวดีคำกลอน
เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
โดย สมพงศ์ ชูสุวรรณ
***************************
ตอน พระเจ้าอุเทนกับนกหัสดีลิงค์
** ในกาลนี้ยังมีจอมกษัตริย์
"ปรันตปะ" ครองรัฐที่กว้างใหญ่
โกสัมพีนครขจรไกล
สุขสดใสพร้อมด้วยชาวพารา
** ณ วันหนึ่งปรารภกับอัคราช
อนงค์นาฏจอมนางเสน่หา
ถึงเรื่องราวของครรภ์จอมขวัญตา
ทรงไต่ถามชายาถึงลูกน้อย
** ขณะนั้นพญานกออกล่าเหยื่อ
หัสดีลิงค์คิดว่าเนื้อคงอร่อย
รีบถาโถมโจมตีไม่รอคอย
จึงโผลงเสียงพลอยดังอื้ออึง
** พระราชาทรงหนีเอาตัวรอด
มเหสียอดมิตรคิดไม่ถึง
กรงเล็บนกขยุ้มไม่คำนึง
มุ่งเพียงเหยื่อซึ่งเห็นอยู่ไกลไกล
** มเหสีตั้งสติเอาไว้มั่น
มีโอกาสจะสู้มันไม่หวั่นไหว
เมื่อนกนำมาวางคาคบไม้
จึงตะโกนหวังไล่ในทันที
** หัสดีตกใจไม่รอช้า
รีบถลาบินไปเพื่อหลีกหนี
ถึงเวลาพลบค่ำเข้าพอดี
ยอดนารีปั่นป่วนในพระครรภ์
** ฟ้าคำรามดังก้องทั่วท้องฟ้า
จะข่มตาให้หลับยังไหวหวั่น
ตลอดคืนที่นางต้องจาบัลย์
และป่วนปั่นในอุทรพาร้อนรน
** ถึงเวลาสว่างกระจ่างใส
ทรงประสูติทันใดไม่หมองหม่น
มารดาทรงตั้งชื่อเป็นมงคล
ว่า "อุเทน" สุขล้นเป็นเพศชาย
สมพงศ์ ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา
ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :
masapaer
,
ระนาดเอก
,
รพีกาญจน์
บันทึกการเข้า
สมพงศ์ ชูสุวรรณ ขอบคุณภาพจากอินเทอร์เน็ตและทุก ๆ แหล่งข้อมูลครับ
~รวมทุกสำนวนของ"สมพงศ์ ชูสุวรรณ"ครับ ~
สมพงศ์ ชูสุวรรณ
นักกลอนผู้รอบรู้
ออฟไลน์
กระทู้: 416
สมาชิกดีเด่นประจำเดือนนี้..
สมาชิกดีเด่นประจำเดือนนี้..
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
|
Re: พระนางสามาวดีคำกลอน
«
ตอบ
#4 เมื่อ:
21 มีนาคม, 2559, 06:37:40 PM »
หน้าแรก
Re: พระนางสามาวดีคำกลอน
เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
โดย สมพงศ์ ชูสุวรรณ
***************************
ตอน อัลลกัปปะดาบสเสียพิธี
** ส่วนอัลละฤๅษีมีกิจวัตร
หาอาหารบำบัดหิวกระหาย
ถึงต้นไทรใบหนาผลมากมาย
เสียงเด็กชายร้องจ้าอยู่ข้างบน
** แหนหน้าดูรู้ว่ามีผู้หญิง
พร้อมกับเด็กจริงจริงใช่สับสน
ร้องถามว่าเป็นใครใยซุกซน
ขึ้นไปอยู่ข้างบนกิ่งต้นไทร
** พระนางจึงเล่าเรื่องแต่หนหลัง
ตั้งแต่เริ่มมายังต้นไม้ใหญ่
ทรงประสูติโอรสในทันใด
จึงพบฤๅษีไพรพูดคุยกัน
** ต่างก็รู้อยู่ในวรรณะกษัตริย์
เคยครองเศวตฉัตรใหญ่มหันต์
ได้พึ่งพาอาศัยในปัจจุบัน
อยู่กลางพนาวันแต่นั้นมา
** อันโลกีย์วิสัยใครห้ามได้
เกิดขึ้นแล้วทำให้ใจโหยหา
จะติดในอารมณ์จมกามา
ลืมดินฟ้าถูกผิดคิดไม่ดี
** พระดาบสศีลขาดพินาศแล้ว
ร่วมสังวาสนางแก้วมเหสี
รับอุเทนเป็นบุตรสุดปรานี
เฝ้ากล่อมเกลี้ยงเลี้ยงชีวีตลอดมา
** มาวันหนึ่งดาบสมองดูดาว
จึงรู้ข่าว "ปะรันตปะ" แทบผวา
สวรรคตลับแล้วจอมพารา
พากันหลั่งน้ำตาทุกคนไป
** มเหสีฟังข่าวพาเศร้าโศก
วิปโยคโสกาน้ำตาไหล
พระดาบสถามว่าร้องทำไม
จึงเปิดใจบอกเรื่องสวามี
** พระดาบสปลอบว่าอย่าโศกเศร้า
เป็นธรรมชาตินะเจ้าแม่โฉมศรี
เกิดมาแล้วต้องตายวายชีวี
จะไม่มีใครหนีไปได้เลย
** มเหสีทูลว่าเข้าใจจ้า
ที่ร้องไห้เพราะว่าเกินทนเฉย
ราชบุตรชวดสมบัติมาชมเชย
เพราะอยู่ไกลสุดเอ่ยทวงเอาคืน
** ฝ่ายดาบสรับปากจะจัดให้
ราชบุตรต้องได้ไม่อาจฝืน
เริ่มสอนมนต์และพิณอย่างยั่งยืน
เพื่อที่จะทวงคืนพระพารา
สมพงศ์ ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา
ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :
masapaer
,
ระนาดเอก
,
รพีกาญจน์
บันทึกการเข้า
สมพงศ์ ชูสุวรรณ ขอบคุณภาพจากอินเทอร์เน็ตและทุก ๆ แหล่งข้อมูลครับ
~รวมทุกสำนวนของ"สมพงศ์ ชูสุวรรณ"ครับ ~
สมพงศ์ ชูสุวรรณ
นักกลอนผู้รอบรู้
ออฟไลน์
กระทู้: 416
สมาชิกดีเด่นประจำเดือนนี้..
สมาชิกดีเด่นประจำเดือนนี้..
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
|
Re: พระนางสามาวดีคำกลอน
«
ตอบ
#5 เมื่อ:
21 มีนาคม, 2559, 06:41:02 PM »
หน้าแรก
Re: พระนางสามาวดีคำกลอน
เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
โดย สมพงศ์ ชูสุวรรณ
***************************
ตอน กุมารอุเทนยกทัพช้าง
** ครั้นถึงวันเดินทางเยื้องย่างจาก
แม่เอ่ยปากเรียกเจ้าเข้ามาหา
จึงเล่าความตามจริงที่เป็นมา
พร้อมสิ่งของของมารดาเพื่อยืนยัน
** ผ้ากำพลเป็นพระภูษาห่ม
องค์บรมทรงประทานเป็นของขวัญ
ธำมรงค์เครื่องประดับก็สำคัญ
เพื่อยืนยันว่าโอรสหมดเคลือบแคลง
** พระกุมารระดมช้างด้วยเวทย์มนต์
มากมายล้นหลายพันอันเข้มแข็ง
มุ่งสู่โกสัมพีเพื่อแสดง
สิทธิแห่งสมบัติขัตติยวงศ์
** ถึงชายแดนเกลี้ยกล่อมพวกชาวบ้าน
มาเป็นบริวารช่วยเสริมส่ง
เป็นพลังมากล้นที่มั่นคง
เพื่อต่อรองตกลงมอบบ้านเมือง
** ร้องประกาศไปว่าจะให้รบ
หรือว่ายอมสยบเลิกคุยเขื่อง
มอบสมบัติโดยดีมิขุ่นเคือง
พวกชาวเมืองบอกว่าข้าไม่ยอม
** เราจะรอข่าวคราวมเหสี
มิ่งโมลีดวงใจใคร่ถนอม
พระโอรสประกาศว่าอย่าตรมตรอม
เราคือจอมบดินทร์ปิ่นนัครา
** เป็นโอรสของท้าวปรันตปะ
ผู้ดำรงซึ่งธรรมะดีนักหนา
มเหสีที่จากไปเป็นมารดา
จึงนำผ้ากัมพลมาให้ดู
** พร้อมทั้งธำมรงค์วงสำคัญ
พวกชาวเมืองร้องลั่นกันทั้งหมู่
พวกทหารพร้อมใจเปิดประตู
เชิญโอรสเข้าสู่พระราชวัง
** อภิเษกราชกุมารพระองค์ใหม่
ดอกไม้ไฟสวยดีมีมนต์ขลัง
ประชาชนต่างสนุกสุขใจจัง
พระราชวังดังวิมานตระการตา
สมพงศ์ ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา
ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :
masapaer
,
ระนาดเอก
,
รพีกาญจน์
บันทึกการเข้า
สมพงศ์ ชูสุวรรณ ขอบคุณภาพจากอินเทอร์เน็ตและทุก ๆ แหล่งข้อมูลครับ
~รวมทุกสำนวนของ"สมพงศ์ ชูสุวรรณ"ครับ ~
สมพงศ์ ชูสุวรรณ
นักกลอนผู้รอบรู้
ออฟไลน์
กระทู้: 416
สมาชิกดีเด่นประจำเดือนนี้..
สมาชิกดีเด่นประจำเดือนนี้..
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
|
Re: พระนางสามาวดีคำกลอน
«
ตอบ
#6 เมื่อ:
21 มีนาคม, 2559, 06:43:17 PM »
หน้าแรก
Re: พระนางสามาวดีคำกลอน
เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
โดย สมพงศ์ ชูสุวรรณ
***************************
ตอน สองผัวเมียเดินทางไปหาอาชีพ
** แคว้นอัลละกัปปะในครานั้น
เกิดวิโยคโศกศัลย์เป็นนักหนา
แสนประหลาดขาดแคลนทั้งข้าวปลา
อหิวาต์ระบาดอนาถใจ
** สองสามีภรรยาพาลูกอ่อน
เพื่อเร่ร่อนไปหาที่อยู่ใหม่
มุ่งหน้าโกสัมพีโดยเร็วไว
ตัดสินใจจรลีหนีความตาย
** เวลาผ่านอาหารก็หมดสิ้น
หมดเรี่ยวแรงจะดิ้นพาใจหาย
คิดทิ้งลูกที่เคยโอบแนบกาย
ภรรยาว่าแม้ตายก็ไม่ยอม
** สามีจึงบอกว่าถ้าไม่ตาย
เราคงมีลูกหญิงชายไว้ถนอม
ประดุจดังแก้วใจไม่ตรมตรอม
เมื่อเราพร้อมเพียงผ่านไปไม่นานวัน
** สรุปว่าสามีทอดทิ้งลูก
พ่อบุญปลูกลูกน้อยต้องอาสัญ
สองสามีภรรยาเดินทางพลัน
ถึงตระกูลโคบาลอันใหญ่โต
สมพงศ์ ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา
ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :
masapaer
,
ระนาดเอก
,
รพีกาญจน์
บันทึกการเข้า
สมพงศ์ ชูสุวรรณ ขอบคุณภาพจากอินเทอร์เน็ตและทุก ๆ แหล่งข้อมูลครับ
~รวมทุกสำนวนของ"สมพงศ์ ชูสุวรรณ"ครับ ~
สมพงศ์ ชูสุวรรณ
นักกลอนผู้รอบรู้
ออฟไลน์
กระทู้: 416
สมาชิกดีเด่นประจำเดือนนี้..
สมาชิกดีเด่นประจำเดือนนี้..
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
|
Re: พระนางสามาวดีคำกลอน
«
ตอบ
#7 เมื่อ:
21 มีนาคม, 2559, 06:46:33 PM »
หน้าแรก
Re: พระนางสามาวดีคำกลอน
เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
โดย สมพงศ์ ชูสุวรรณ
***************************
ตอน สามีตายไปเกิดเป็นสุนัข
** ในวันนั้นมีการทำบุญบ้าน
นายโคบาลสร้างบุญอย่างสุโข
นิมนต์องค์ปัจเจกพุทโธ
สวดนโมถวายทานเบิกบานใจ
** มองเห็นสองสามีภรรยา
เดินเข้ามาให้สงเคราะห์ยิ่งเหมาะใหญ่
จึงให้ข้าวปายาสกับเนยไป
ทั้งสองคนขอบใจอย่างมากมาย
** ภรรยาเห็นว่าสามีหิว
จึงยกนิ้วเปิดทางอย่างมุ่งหมาย
ให้สามีกินอิ่มได้สบาย
ตัวเองแค่กันตายก็เพียงพอ
** ส่วนสามีหิวมากไม่ยั้งคิด
กินจนเกินไปนิดน้ำลายสอ
ชอบสุนัขตัวเมียที่เคลียคลอ
ตกกลางคืนผู้พ่อก็ขาดใจ
** จึงไปเกิดในท้องของสุนัข
ด้วยปัจจัยเกิดรักและฝักใฝ่
ภรรยาจะขออยู่ต่อไป
กับโคบาลยิ่งใหญ่ผู้ใจบุญ
** ถึงเวลาสุนัขก็ออกลูก
จึงพันผูกโคบาลต้องอุดหนุน
คอยให้น้ำให้ข้าวเฝ้าเจือจุน
จนโตใหญ่เป็นวัยรุ่นคึกคะนอง
** องค์พระปัจเจกพุทธเจ้า
ได้สงเคราะห์ก้อนข้าวไม่หม่นหมอง
ให้สุนัขตัวดีที่เฝ้ามอง
เพราะหวังปองอาหารเหมือนดังเคย
** ด้วยสาเหตุพระปัจเจกะต้องมาฉัน
ทุกทุกวันตามเวลาไม่เมินเฉย
นายโคบาลรับส่งไม่ละเลย
จึงคุ้นเคยกับสุนัขประจักษ์จริง
** ในบางครั้งไปรับพระแทนโคบาล
ดังคำขานเจ้าของบอกในทุกสิ่ง
ความสัมพันธ์ใกล้ชิดจิตประวิง
รักจริงจริงในพระสุดจะทน
** ครั้นถึงวันที่พระกลับภูเขา
สุดบรรเทาโศกเศร้าเฝ้าหมองหม่น
พระลับตาหายไปใจร้อนรน
เกิดกังวลหัวใจวายตายฉับพลัน
** ด้วยเดชะกุศลตนทำไว้
จึงทำให้บังเกิดในสวรรค์
ชื่อโฆสกเทพบุตรสุดจำนรรจ์
มีเสียงดังก้องลั่นสนั่นไกล
** โฆสกะหลงใหลในเมถุน
ด้วยจิตใจว้าวุ่นไม่สดใส
ถึงเวลาจุติตัดเยื่อใย
จากสวรรค์ลงไปเมืองมนุษย์
สมพงศ์ ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา
ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :
masapaer
,
ระนาดเอก
,
รพีกาญจน์
บันทึกการเข้า
สมพงศ์ ชูสุวรรณ ขอบคุณภาพจากอินเทอร์เน็ตและทุก ๆ แหล่งข้อมูลครับ
~รวมทุกสำนวนของ"สมพงศ์ ชูสุวรรณ"ครับ ~
สมพงศ์ ชูสุวรรณ
นักกลอนผู้รอบรู้
ออฟไลน์
กระทู้: 416
สมาชิกดีเด่นประจำเดือนนี้..
สมาชิกดีเด่นประจำเดือนนี้..
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
|
Re: พระนางสามาวดีคำกลอน
«
ตอบ
#8 เมื่อ:
21 มีนาคม, 2559, 06:49:55 PM »
หน้าแรก
Re: พระนางสามาวดีคำกลอน
เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
โดย สมพงศ์ ชูสุวรรณ
***************************
ตอน กำเนิดโฆสกเศรษฐี
** ปฏิสนธิ์ในท้องหญิงงามเมือง
ที่ลือเลื่องว่างามเป็นที่สุด
แห่งกรุงโกสัมพีที่สมมติ
ว่างดงามประดุจเมืองเทวา
** พอรู้ว่าเป็นชายเสียดายนัก
จึงให้นำลูกรักเอาไปฆ่า
ประเพณีหญิงงามเมืองแต่ก่อนมา
จะไม่ไว้ชีวาของลูกชาย
** มีชาวบ้านเป็นหญิงไปพบเข้า
บุญของเจ้าเด็กน้อยไม่เสียหาย
ยังไม่ถึงวาระจะต้องตาย
รับเด็กชายเป็นลูกรักผูกพัน
** ในครั้งนั้นเศรษฐีผู้มีทรัพย์
น้อมคำนับปุโรหิตตั้งจิตมั่น
อยากจะรู้เหตุการณ์ในปัจจุบัน
แต่ละวันเกิดอะไรในโลกา
** ปุโรหิตจึงเล่ากล่าวชี้แจง
ในวันนี้ร้อนแรงเป็นหนักหนา
มีเด็กชายคนหนึ่งได้เกิดมา
วาสนาร่ำรวยด้วยเงินทอง
** เศรษฐีจึงส่งคนไปถามข่าว
ถึงเรื่องราวภรรยาที่ตั้งท้อง
เมื่อแน่ใจไม่คลอดตามทำนอง
ให้กาลีไปขอร้องซื้อเด็กมา
** นางกาลีสืบดูจึงรู้เรื่อง
มีเด็กเกิดนอกเมืองรีบไปหา
เมื่อได้พบขอซื้อด้วยเงินตรา
แล้วรับตัวเด็กมาโดยเร็วไว
** ท่านเศรษฐีวางแผนอย่างซับซ้อน
ต้องได้ผลแน่นอนดีไฉน
ถ้าลูกเราเป็นหญิงไม่เป็นไร
ให้แต่งงานกันไปก็ได้ดี
** ถ้าลูกเราเกิดมาเป็นผู้ชาย
ก็ฆ่ามันให้ตายไปเป็นผี
แล้วยกย่องลูกเราโดยทันที
จะได้เป็นเศรษฐีไม่อาทร
** กัมมุนา วัตตะตี โลโก
องค์พุทโธ ทรงตรัสเป็นคำสอน
สร้างกรรมใดได้ผลอย่างแน่นอน
ตัวกรรมนั้นจะย้อนมาหาตน
** ในที่สุดภรรยาท่านเศรษฐี
ได้คลอดบุตรตามที่ปฏิสนธิ์
เป็นผู้ชายไม่คาดฝันวันมงคล
ท่านเศรษฐีเริ่มคิดค้นฆ่าเด็กชาย
สมพงศ์ ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา
ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :
masapaer
,
ระนาดเอก
,
รพีกาญจน์
บันทึกการเข้า
สมพงศ์ ชูสุวรรณ ขอบคุณภาพจากอินเทอร์เน็ตและทุก ๆ แหล่งข้อมูลครับ
~รวมทุกสำนวนของ"สมพงศ์ ชูสุวรรณ"ครับ ~
สมพงศ์ ชูสุวรรณ
นักกลอนผู้รอบรู้
ออฟไลน์
กระทู้: 416
สมาชิกดีเด่นประจำเดือนนี้..
สมาชิกดีเด่นประจำเดือนนี้..
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
|
Re: พระนางสามาวดีคำกลอน
«
ตอบ
#9 เมื่อ:
21 มีนาคม, 2559, 06:53:13 PM »
หน้าแรก
Re: พระนางสามาวดีคำกลอน
เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
โดย สมพงศ์ ชูสุวรรณ
***************************
ตอน เศรษฐีคิดฆ่าโฆสกะ
** จึงรีบบอกให้กาลีนำไปฆ่า
วางขวางทางไปมาโคทั้งหลาย
หวังให้โคเหยียบเด็กจนวอดวาย
ตายไม่ตายรีบกลับมารายงาน
** อุสภะโคใหญ่เป็นหัวหน้า
ใช้กายายืนคร่อมไม่ให้ผ่าน
โคไม่เหยียบร่างกายของกุมาร
เด็กชายไม่วายปราณเพราะมีบุญ
** ครั้งที่สองหวังให้ล้อเกวียนทับ
พวกโคไม่ขยับให้ล้อหมุน
รอดตายเพราะกรรมดีที่เจือจุน
เด็กมีบุญคุ้มครองไม่หมองมัว
** ครั้งที่สามไปทิ้งที่ป่าช้า
ด้วยหวังว่าให้สัตว์ขบกัดหัว
หรือผีดิบกัดกินสิ้นทั้งตัว
ช่างน่ากลัวจริงจริงทิ้งได้ลง
** ด้วยกุศลผลบุญที่เคยสร้าง
สุนัขบ้างกาบ้างเหมือนลืมหลง
แม้จะเห็นเด็กชายก็เกิดงง
ไม่กล้าจะมุ่งตรงเข้ากัดกิน
** ชายเลี้ยงแพะพาแพะกินอาหาร
เป็นทางผ่านชั่วชีวิตนิจสิน
แพะเข้าไปคุกเข่าให้นมกิน
เด็กไม่สิ้นชีวาน่าแปลกจัง
** ท่านเศรษฐีไม่ละพยายาม
เพื่อทำตามปณิธานที่มุ่งหวัง
ฆ่าเด็กน้อยทิ้งไปไม่อินัง
ติดตามฟังบั้นปลายเป็นอย่างไร
** ในครั้งนี้ให้กาลีไปทิ้งเหว
หวังจะให้แหลกเหลวดังฝันใฝ่
ด้วยบุญของเด็กน้อยที่สร้างไว้
รอดพ้นอันตรายได้อีกครา
** กาลเวลาผ่านไปไม่เคยนิ่ง
ทุกทุกสิ่งเปลี่ยนไปไม่มุสา
เด็กชายเจริญวัยใหญ่ขึ้นมา
ได้ชื่อว่า “โฆสกะ” เฝ้าพะนอ
** ท่านเศรษฐีวางแผนจะฆ่าใหม่
โดยส่งไปยังบ้านนายช่างหม้อ
ให้สับเป็นท่อนท่อนอย่ารีรอ
แล้วใส่ไฟเผาต่อให้แหลกลาญ
สมพงศ์ ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา
ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :
masapaer
,
ระนาดเอก
,
รพีกาญจน์
บันทึกการเข้า
สมพงศ์ ชูสุวรรณ ขอบคุณภาพจากอินเทอร์เน็ตและทุก ๆ แหล่งข้อมูลครับ
~รวมทุกสำนวนของ"สมพงศ์ ชูสุวรรณ"ครับ ~
สมพงศ์ ชูสุวรรณ
นักกลอนผู้รอบรู้
ออฟไลน์
กระทู้: 416
สมาชิกดีเด่นประจำเดือนนี้..
สมาชิกดีเด่นประจำเดือนนี้..
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
|
Re: พระนางสามาวดีคำกลอน
«
ตอบ
#10 เมื่อ:
21 มีนาคม, 2559, 06:56:30 PM »
หน้าแรก
Re: พระนางสามาวดีคำกลอน
เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
โดย สมพงศ์ ชูสุวรรณ
***************************
ตอน ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว
** อันกรรมใดใครทำกรรมสนอง
ผู้ทำต้องรับกรรมที่เผาผลาญ
ทุกข์อะไรใครก่อให้รำคาญ
อีกไม่นานทุกข์นั้นจะถึงตน
** ท่านเศรษฐีมอบหมายให้โฆสกะ
ทำธุระตามแผนอย่าตกหล่น
ด้วยคิดว่าอย่างไรก็ไม่พ้น
ต้องอับจนถึงตายได้แน่นอน
** บอกให้ไปหานายช่างหม้อ
เพื่อดำเนินการต่อเรื่องหลอกหลอน
โฆสกะรับคำไม่อาทร
มุ่งหน้าจรหมู่บ้านไม่ห่างไกล
** แต่พอดีลูกชายท่านเศรษฐี
ร้องเอ่ยถามว่าพี่จะไปไหน
มาเปลี่ยนกันตัวพี่ไม่ต้องไป
ไม่เป็นไรธุระจะทำแทน
** ขอเพียงแต่พี่ชายช่วยเล่นคลี
ทำคะแนนดีดีให้มากแสน
เอาชนะให้ได้ด้วยคะแนน
ส่วนธุระทำแทนอย่ากังวล
** เนื่องด้วยเหตุให้ทุกข์ผู้อื่นก่อน
ทุกข์นั้นจึงกลับย้อนให้สับสน
จะฆ่าเขาคนถูกฆ่าคือลูกตน
ท่านเศรษฐีหมองหม่นในอุรา
** ธรรมชาติอสรพิษที่คิดร้าย
ก็ไม่วายแผลงฤทธิ์คิดจะฆ่า
ท่านเศรษฐีครุ่นคิดพิจารณา
หาวิธีดูว่าฆ่าอย่างไร
** จึงส่งไปหมู่บ้านคนเก็บส่วย
ยืมมือให้ช่วยฆ่าอย่าเหลวไหล
ถึงกลางวันฆ่ากลางวันโดยทันใด
ถึงเมื่อไรฆ่าเมื่อนั้นในทันที
** โฆสกะถือสารผ่านมาถึง
หมู่บ้านซึ่งเป็นที่พักเพื่อนเศรษฐี
รีบเข้าไปคารวะไม่รอรี
รายงานตัวตามที่เขาบอกมา
** ภรรยาท่านเศรษฐีดีใจนัก
ใจนึกรักโฆสกะเมื่อเห็นหน้า
อยากจะยกลูกสาวให้เป็นภรรยา
จึงต้อนรับเข้ามาด้วยใจจริง
สมพงศ์ ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา
ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :
masapaer
,
ระนาดเอก
,
รพีกาญจน์
บันทึกการเข้า
สมพงศ์ ชูสุวรรณ ขอบคุณภาพจากอินเทอร์เน็ตและทุก ๆ แหล่งข้อมูลครับ
~รวมทุกสำนวนของ"สมพงศ์ ชูสุวรรณ"ครับ ~
สมพงศ์ ชูสุวรรณ
นักกลอนผู้รอบรู้
ออฟไลน์
กระทู้: 416
สมาชิกดีเด่นประจำเดือนนี้..
สมาชิกดีเด่นประจำเดือนนี้..
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
|
Re: พระนางสามาวดีคำกลอน
«
ตอบ
#11 เมื่อ:
21 มีนาคม, 2559, 07:01:12 PM »
หน้าแรก
Re: พระนางสามาวดีคำกลอน
เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
โดย สมพงศ์ ชูสุวรรณ
***************************
ตอน ลูกสาวท่านเศรษฐีแปลงสาร
** พระพุทธองค์ทรงตรัสเอาไว้ว่า
ความรักจักเกิดมาด้วยสองสิ่ง
เคยอยู่ร่วมกันมาอย่าประวิง
อีกหนึ่งสิ่งเกื้อกูลกันหมั่นดูแล
** ในอดีตธิดาท่านเศรษฐี
เป็นผู้มีบุรพกรรมตามกระแส
อยู่ร่วมกันในกาลก่อนไม่อ่อนแอ
คอยดูแลโฆสกะมาจนตาย
** ครั้นมีสารสั่งฆ่าโฆสกะ
เกรงเกิดความหายนะดังมั่นหมาย
โฆสกะนอนหลับอย่างสบาย
แม่โฉมฉายแปลงสารกาลนั้นเอง
** ถึงเมื่อใดจงจัดการจากบ้านส่วย
จัดบรรณาการไปด้วยอย่าข่มเหง
ทำมงคลวิวาห์ให้ครื้นเครง
มีดนตรีบรรเลงให้รื่นรมย์
** ปลูกเรือนหอสองชั้นให้สวยหรู
ลูกเศรษฐีเป็นคู่ดูเหมาะสม
ทำสำเร็จมีของขวัญยอดนิยม
ให้ทุกคนได้ชื่นชมอย่างแน่นอน
** โฆสกะตื่นมาลาเศรษฐี
รีบเดินทางทันทีมิหยุดหย่อน
เพื่อทำงานให้เสร็จได้รีบจร
กลับคืนย้อนสู่เรือนเหมือนดังเดิม
** พวกนายส่วยรู้เรื่องจากจดหมาย
รีบกระจายบอกกล่าวเป็นข่าวเสริม
แสนยินดีช่วยกันหมั่นเพิ่มเติม
จากริเริ่มจนสุดท้ายสำเร็จพลัน
** เป็นอันว่าโฆสกะเข้าพิธี
วิวาห์ลูกเศรษฐีดังหมายมั่น
ได้ครองเรือนเคียงคู่อยู่ด้วยกัน
ทุกคืนวันมีสุขสนุกสบาย
** ฝ่ายเศรษฐีมีทุกข์เข้าโถมทับ
กินไม่ได้นอนไม่หลับกระสับกระส่าย
ทำไมหนอจึงฆ่ามันไม่ตาย
จึงทุรนทุรายจนลงแดง
** ภรรยาโฆสกะได้สั่งการ
ให้พวกบริวารช่วยกันแจ้ง
ถ้าข่าวคราวของเศรษฐีอย่าแสดง
ให้โฆสกะได้เคลือบแคลงรับรู้เลย
** จงบอกนางคนเดียวเท่านั้นพอ
ใคร่ร้องขอจงอย่าได้เปิดเผย
จะเป็นคนสั่งการเหมือนที่เคย
ใครละเลยต้องโทษโปรดเข้าใจ
** ท่านเศรษฐีโกรธแค้นโฆสกะ
พูดจริงนะสมบัติเราไม่ให้
อยากจะพบโฆสกะโดยเร็วไว
สั่งการไปรีบมาหาโดยพลัน
** ภรรยาโฆสกะจึงถามดู
เพื่อให้รู้อาการอย่างไรนั่น
ครั้นรูว่าไม่หนักจักป้องกัน
ไม่ให้โฆสกะหันกลับไปมอง
** ท่านเศรษฐีส่งข่าวครบสามครั้ง
แต่ก็ยังไม่เห็นหน้าพาเศร้าหมอง
อาการป่วยกำเริบเข้าครอบครอง
ใกล้จะต้องอาสัญอย่างมั่นคง
** จนสุดท้ายรู้ว่าอาการหนัก
บอกผัวรักให้เข้าใจดังประสงค์
ถึงวาระท่านเศรษฐีคงปลดปลง
วายชีพลงสิ้นใจอีกไม่นาน
** นางจึงบอกโฆสกะให้รู้ว่า
เราจะไปเยี่ยมคารวะบิดาท่าน
พร้อมทั้งบอกเรื่องราวและอาการ
ขืนชักช้าเนิ่นนานคงสายไป
** เมื่อถึงแล้ววางอุบายให้โฆสกะ
นางจะยืนด้านศรีษะเศรษฐีใหญ่
โฆสกะยืนปลายเท้าโดยเร็วไว
แล้วบอกเศรษฐีใหญ่ว่าลูกมา
** ท่านเศรษฐีอยากบอกให้รับรู้
สมบัติที่มีอยู่อย่ากังขา
จะไม่ให้เจ้าเลยเอ่ยวาจา
กลับพูดว่า มอบให้เจ้าครอบครอง
** เมื่อกล่าวจบเศรษฐีก็สิ้นใจ
ละจากโลกนี้ไปใจเศร้าหมอง
ทุคติเป็นที่หวังดังใจปอง
ต้องร่ำร้องรับกรรมที่ทำมา
** เมื่อปลูกข้าวได้ข้าวดังหมายมั่น
เมื่อปลูกมันได้มันดังปรารถนา
เมื่อทำดีมีสุขทุกเวลา
เมื่อทำชั่วทุกข์พาให้ร้อนรน
สมพงศ์ ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา
ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :
masapaer
,
ระนาดเอก
,
รพีกาญจน์
บันทึกการเข้า
สมพงศ์ ชูสุวรรณ ขอบคุณภาพจากอินเทอร์เน็ตและทุก ๆ แหล่งข้อมูลครับ
~รวมทุกสำนวนของ"สมพงศ์ ชูสุวรรณ"ครับ ~
สมพงศ์ ชูสุวรรณ
นักกลอนผู้รอบรู้
ออฟไลน์
กระทู้: 416
สมาชิกดีเด่นประจำเดือนนี้..
สมาชิกดีเด่นประจำเดือนนี้..
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
|
Re: พระนางสามาวดีคำกลอน
«
ตอบ
#12 เมื่อ:
21 มีนาคม, 2559, 07:04:23 PM »
หน้าแรก
Re: พระนางสามาวดีคำกลอน
เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
โดย สมพงศ์ ชูสุวรรณ
***************************
ตอน โฆสกะรับตำแหน่งเศรษฐี
** อุเทนราชทราบข่าวท่านเศรษฐี
จึงรีบมีบัญชาอุราหม่น
ให้จัดการเรื่องศพในบัดดล
เพื่อเป็นเกียรติแก่คนที่จากไป
** ครั้นงานศพผ่านไปดังใจหมาย
จึงคิดให้ลูกชายเศรษฐีใหญ่
เป็นเศรษฐีสืบต่อโดยเร็วไว
ทรงรับสั่งออกไปไม่รอรี
** ทรงโปรดให้โฆสกะได้เข้าเฝ้า
เพื่อโปรดเกล้าแต่งตั้งสมศักดิ์ศรี
แต่บังเอิญฝนตกมาพอดี
ที่ลานหลวงจึงมีน้ำเจิ่งนอง
** โฆสกะกระโดดข้ามน้ำไป
เพื่อเข้าเฝ้าเร็วไวรับสนอง
ครั้นแต่งตั้งสำเร็จไม่คะนอง
เดินสำรวมท่องน้ำออกจากวัง
** พระราชาตรัสสั่งให้เรียกหา
รีบตามตัวกลับมาตามรับสั่ง
โฆสกะบังคมหน้าบัลลังก์
จึงทรงมีรับสั่งร้องถามไป
** ตอนเข้าวังกระโดดและโลดเต้น
เรามองเห็นยังขำจำได้ไหม
แต่ตอนกลับสำรวมอย่างจริงใจ
เพราะเหตุใดจงเฉลยเอ่ยวาจา
** โฆสกะกราบทูลเฉลยถ้อย
ตอนเข้ามาข้าน้อยไร้เดียงสา
รับตำแหน่งเศรษฐีประทานมา
ตัวของข้าเป็นผู้ใหญ่จึงต้องเจียม
** อุเทนราชพอใจในคำตอบ
คนผู้นี้ดำริชอบสงบเสงี่ยม
วางตัวดีไม่มีใครทัดเทียม
รู้จักเจียมเจรจาพาเจริญ
** เศรษฐีโฆสกะขมันขมี
ตั้งโรงทานทันทีน่าสรรเสริญ
สละทรัพย์วันละพันพร้อมชวนเชิญ
คนกำพร้าคนเดินทางมาไกล
** รับประทานอาหารให้อิ่มหนำ
ก่อนจะทำกิจกรรมหรือไปไหน
ให้อิ่มท้องไว้ก่อนสิ่งอื่นใด
เมื่อสงเคราะห์แล้วใจแสนสบาย
สมพงศ์ ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา
ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :
masapaer
,
ระนาดเอก
,
รพีกาญจน์
บันทึกการเข้า
สมพงศ์ ชูสุวรรณ ขอบคุณภาพจากอินเทอร์เน็ตและทุก ๆ แหล่งข้อมูลครับ
~รวมทุกสำนวนของ"สมพงศ์ ชูสุวรรณ"ครับ ~
สมพงศ์ ชูสุวรรณ
นักกลอนผู้รอบรู้
ออฟไลน์
กระทู้: 416
สมาชิกดีเด่นประจำเดือนนี้..
สมาชิกดีเด่นประจำเดือนนี้..
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
|
Re: พระนางสามาวดีคำกลอน
«
ตอบ
#13 เมื่อ:
21 มีนาคม, 2559, 07:11:02 PM »
หน้าแรก
Re: พระนางสามาวดีคำกลอน
เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
โดย สมพงศ์ ชูสุวรรณ
***************************
ตอน เพื่อนที่ไม่เคยพบเห็นกัน
** จะขอกล่าวถึงเศรษฐีอีกท่านหนึ่ง
ผู้ที่พึงนับว่าเป็นสหาย
ของท่านโฆสกะพ่อยอดชาย
ทั้งสองนายไม่เคยพบหน้ากัน
** มีชื่อว่าท่านภัททวดีย์
เป็นเศรษฐียิ่งใหญ่ในเขตขันธ์
นครภัททวดีมีสัมพันธ์
เป็นเพื่อนที่รักกันแม้อยู่ไกล
** เนื่องจากการบอกกล่าวของพ่อค้า
ต่างส่งบรรณาการมาอย่างยิ่งใหญ่
ผูกสัมพันธ์เป็นเพื่อนด้วยจริงใจ
วันเวลาผ่านไปใจมั่นปอง
** ในกาลนั้นอหิวาตกโรค
ได้ระบาดแสนโศกและเศร้าหมอง
หลายหลายคนโศกาน้ำตานอง
หลายหลายคนถึงต้องวายชีวา
** ภัททวดีย์เห็นว่าไม่ดีแน่
ขืนเชือนแชต้องดิ้นสิ้นสังขา
พาลูกเมียหนีไปจากพารา
ต่างมุ่งหน้าสู่กรุงโกสัมพี
** โฆสกะเศรษฐีเป็นที่หมาย
เป็นที่พึ่งสุดท้ายในกรุงศรี
เดินทางมาเสบียงหมดพอดี
เข้าพักที่ศาลาประตูเมือง
** หวังบำรุงร่างกายให้ดีก่อน
แล้วจึงจรพบเพื่อนเพื่อบอกเรื่อง
และขอความช่วยเหลือยามฝืดเคือง
เมื่อบ้านเมืองเดือดร้อนพอผ่อนปรน
** ครั้นรุ่งเช้าลูกสาวไปโรงทาน
เพื่อขอรับอาหารยามขัดสน
พอประทังชีวิตคิดดิ้นรน
เมื่อถึงคราวอับจนต้องทนไป
** มิตตกุฎุมพีผู้ดูแล
ได้ร้องถามว่าแม่รับเท่าไหร่
แม่สาวน้อยรีบตอบโดยเร็วไว
ขอรับไปสามส่วนควรแก่การ
** เจ้าหน้าที่จัดให้ตามที่ขอ
เมื่อรับแล้วไม่รีรอเอ่ยคำขาน
ขอขอบคุณที่การุณด้วยดวงมาน
มอบอาหารให้ประทังยังชีพตน
** แล้วรีบกลับไปที่พักโดยทันที
นำอาหารที่มีไม่หมองหม่น
ไปให้พ่อและแม่ทั้งสองคน
รับประทานยามจนพอพ้นตาย
** แม่และลูกผูกรักในตัวพ่อ
ได้ร้องขอรีบทานก่อนจะสาย
เป็นผู้นำต้องทานให้มากมาย
ด้วยมุ่งหมายจะได้พึ่งไปนานนาน
** พ่อหิวมากทานมากจนหมดสิ้น
ตกกลางคืนจึงดิ้นละสังขาร
ทิ้งลูกเมียผจญภัยใจร้าวราน
เมื่อเศรษฐีถึงกาลกิริยา
** ทั้งแม่ลูกครวญคร่ำน้ำตาไหล
พ่อจากไปหวนไห้อาลัยหา
เห็นหลัดหลัดต้องพลัดไปไกลตา
อนิจจาเวรกรรมเฝ้าคร่ำครวญ
** วันรุ่งขึ้นจึงไปรับอาหาร
เหมือนวันวารแต่รับเพียงสองส่วน
รีบกลับมาที่พักไม่เรรวน
จึงรีบชวนแม่ทานทันทีเลย
** แม่อดมาหลายวันคงหิวมาก
ลูกจึงอยากให้อิ่มอย่านิ่งเฉย
เพราะรักแม่อยากให้แม่ได้เสบย
ลูกรักแม่จังเลยต้องดูแล
** เป็นเวรกรรมทำมาแต่ปางก่อน
กรรมจึงย้อนมาสนองตามกระแส
แสนเจ็บปวดรวดร้าวในดวงแด
เพราะว่าแม่มาตายไปอีกคน
** ด้วยอาหารไม่ย่อยจึงเกิดเหตุ
เป็นอาเพศมาทำลายให้ฉงน
พ่อและแม่ถึงกาลต้องวายชนม์
คงอับจนหนอชีวิตเมื่อคิดไป
** ครั้นรุ่งเช้าเดินไปรับอาหาร
ที่โรงทานของท่านเศรษฐีใหญ่
เมื่อถูกถามจะรับไปเท่าใด
ตอบจากใจขอรับเพียงส่วนเดียว
** มิตตกุฎุมพีจึงต่อว่า
จงฉิบหายเถิดหนาพาใจเสียว
ทำไมจึงหยาบคายเสียจริงเจียว
เพียงอาหารนิดเดียวต้องด่ากัน
** มิตตกุฎุมพีจึงชี้แจง
เพื่อแสดงความจริงทุกสิ่งสรรพ์
ถึงเรื่องราวที่ผ่านมาสารพัน
วันก่อนนั้นรับอาหารไปมากมาย
** ในวันแรกแม่รับไปสามส่วน
วันที่สองเนื้อนวลมารับสาย
รับเพียงแค่สองส่วนดูน่าอาย
วันสุดท้ายจึงรู้ประมาณตน
** รับไปเพียงหนึ่งส่วนคงพอดี
ไม่โลภมากอยากมีจนสับสน
นางจึงเล่าเรื่องราวว่าสามคน
พ่อแม่ลูกอับจนขอพึ่งพา
** อันที่จริงพวกเราเป็นเศรษฐี
ในตระกูลภัททวดีย์มีปัญหา
หนีโรคร้ายที่ชื่ออหิวาต์
หวังเข้ามาพึ่งบุญพออุ่นใจ
** มิตตกุฎุมพีเมื่อรู้เรื่อง
เป็นเศรษฐีรุ่งเรืองในเมืองใหญ่
เอ่ยวาจาบอกนางในทันใด
ไม่เป็นไรมาเป็นลูกสาวเรา
** จึงตั้งนางในตำแหน่งของลูกสาว
พร้อมเอ่ยกล่าวจะดูแลไม่ให้เหงา
มอบความรักความจริงใจไม่ดูเบา
ครอบครัวเราจะมีสุขอย่างยั่งยืน
สมพงศ์ ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา
ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :
masapaer
,
ระนาดเอก
,
รพีกาญจน์
บันทึกการเข้า
สมพงศ์ ชูสุวรรณ ขอบคุณภาพจากอินเทอร์เน็ตและทุก ๆ แหล่งข้อมูลครับ
~รวมทุกสำนวนของ"สมพงศ์ ชูสุวรรณ"ครับ ~
สมพงศ์ ชูสุวรรณ
นักกลอนผู้รอบรู้
ออฟไลน์
กระทู้: 416
สมาชิกดีเด่นประจำเดือนนี้..
สมาชิกดีเด่นประจำเดือนนี้..
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
|
Re: พระนางสามาวดีคำกลอน
«
ตอบ
#14 เมื่อ:
21 มีนาคม, 2559, 07:15:36 PM »
หน้าแรก
Re: พระนางสามาวดีคำกลอน
เล่าเรื่องพระนางสามาวดีคำกลอน
โดย สมพงศ์ ชูสุวรรณ
***************************
ตอน เพราะทำรั้วจึงชื่อสามาวดี
** ธิดาน้อยอาศัยกุฎุมพี
ชีวิตก็เริ่มมีความราบรื่น
มีความสุขมากขึ้นทุกวันคืน
ได้รับการหยิบยื่นสิ่งที่ดี
** มาวันหนึ่งจึงถามท่านมิตตะ
ลูกเห็นว่าโรงทานเสียงอึงมี่
เราควรจะแก้ไขไม่ให้มี
เสียงเหล่านี้อื้ออึงจึงจะควร
** ท่านมิตตะตอบว่าทำไม่ได้
จึงปล่อยไปไม่ใช่จะสงวน
นางตอบว่าทำได้ใช่ลามลวน
จึงบอกไปตามกระบวนที่คิดมา
** ท่านจงสร้างประตูเป็นสองด้าน
พอประมาณไม่กว้างมากนักหนา
เข้าออกได้คนเดียวเท่ากายา
แล้วสั่งว่าเข้าออกคนละทาง
** กุฎุมพี่เห็นดีเห็นงามด้วย
เราจะช่วยให้สำเร็จไม่ขัดขวาง
รีบบอกไพร่ทำตามความคิดนาง
ที่ได้วางเอาไว้ทุกประการ
** เสียงที่ดังอื้ออึงในตอนเช้า
กลายเป็นความเงียบเหงาทั่วสถาน
เหมือนกับไม่มีคนมาโรงทาน
ผิดกับเมื่อวันวานเสียงอื้ออึง
** ธิดาน้อยได้ชื่อ "สามาวดี”
เพราะธิดาคนนี้คิดไปถึง
การทำรั้วแก้ไขเสียงอึงคนึง
ในที่สุดเสียงจึงเงียบหายไป
** วันหนึ่งโฆสกะจึงเอ่ยถาม
เมื่อต้องการรู้ความเป็นไฉน
เลิกโรงทานไปแล้วหรืออย่างไร
ด้วยเหตุใดเสียงเงียบไปโดยพลัน
** กุฎุมพีมิตตะจึงเฉลย
ไม่เลิกโรงทานเลยดังหมายมั่น
มีคนรับอาหารเหมือนทุกวัน
คนเหล่านั้นเป็นอยู่อย่างสบาย
** จึงได้เล่าเรื่องราวที่ผ่านมา
ถึงบิดาของนางผู้สหาย
ของโฆสกะที่ดิ้นรนเพื่อหนีตาย
แต่ต้องถึงชีพวายทั้งผัวเมีย
** โฆสกะรู้ความจึงถามว่า
บัดนี้เจ้าสามาไปไหนเสีย
นางคงเดือดร้อนใจดังไฟเลีย
อยากปลอบให้คลายละเหี่ยเลิกเสียใจ
** เมื่อได้พบสามาวดีที่น่ารัก
จึงแจ้งให้ประจักษ์แถลงไข
ลูกของเพื่อนเหมือนลูกพ่อก่อสายใย
ต่อนี้ไปคือพ่อลูกผูกสัมพันธ์
** จุมพิตนางที่ศีรษะสื่อความหมาย
พ่อจะรักไม่เสื่อมคลายนะจอมขวัญ
มอบบริวารห้าร้อยให้เร็วพลัน
ตั้งนางนั้นในตำแหน่งลูกคนโต
สมพงศ์ ชูสุวรรณ
บ้านกัลปังหา
ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :
masapaer
,
ระนาดเอก
,
รพีกาญจน์
บันทึกการเข้า
สมพงศ์ ชูสุวรรณ ขอบคุณภาพจากอินเทอร์เน็ตและทุก ๆ แหล่งข้อมูลครับ
~รวมทุกสำนวนของ"สมพงศ์ ชูสุวรรณ"ครับ ~
หน้า: [
1
]
2
3
ขึ้นบน
พิมพ์
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
กระโดดไป:
เลือกหัวข้อ:
-----------------------------
บทกลอนไพเราะ
-----------------------------
=> กลอนรัก
=> กลอนเศร้า
=> กลอนคิดถึง
=> กลอนงอนง้อ
=> กลอนคลายเครียด
=> กลอนให้แง่คิด
=> กลอนอวยพร
=> บทประพันธ์อันน่าประทับใจ
=> กลอนเปล่า
=> เรื่องสั้น แนวนิยาย
-----------------------------
อารมณ์กลอน
-----------------------------
=> การใช้งานบอร์ด-แจ้งปัญหา
=> สมาชิกแนะนำตัว
=> สารบัญกลอน สมาชิกกลอน
=> ห้องเรียนรู้คำประพันธ์
=> โคลง
=> ฉันท์ กาพย์ ร่าย
=> กลบท
=> คำคมอารมณ์กลอน
===> หมวดความรัก
===> หมวดเศร้า - อกหัก
===> หมวดการให้แง่คิด
===> หมวดคลายเครียด
-----------------------------
คุยเรื่องร้อยแปดชาวอารมณ์กลอน
-----------------------------
=> กระดานประชาสัมพันธ์สำหรับสมาชิก
=> คุยได้ทุกเรื่อง
=> ดูหนัง-ฟังเพลง-คลิปความบันเทิง
=> ขอความช่วยเหลือในการแต่งคำประพันธ์
-----------------------------
กฎระเบียบและการจัดการประกวดคำประพันธ์
-----------------------------
=> ห้องประกวดคำประพันธ์
กำลังโหลด...