กลอนชนะเลิศ
(ประจำเดือน พฤษภาคม ๒๕๕๙)
หัวข้อ "รอสายฝนหลั่งหล่นสู่ผืนดิน" ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ หัวข้อ รอสายฝนหลั่งหล่นสู่ผืนดิน
โอ่งใบเปล่าเก่าแก่รอแช่ฉ่ำ
หวังหยดน้ำหลั่งหล่นให้ล้นเหลือ
วางหงายไว้เฝ้าฝนฟ้ามาจุนเจือ
คล้ายความเชื่อยืนหยัดในศรัทธา
ช่วยขับไล่ไอระอุบรรลุผ่าน
ความทนทานมั่นคงทุกองศา
สมเป็นโอ่งที่ผ่านการเผามา
ถึงแดดกล้ายังแกร่งแม้แล้งนาน
พืชล้มลุกเหี่ยวเฉาทิ้งเถาค้าง
อยู่ท่ามกลางเปลวแดดที่แผดผ่าน
ยังมีหัวใต้ดินอยู่สู้ทนทาน
เฝ้ารอการสร้างต้นใหม่แทนใบเดิม
กบจำศีลในดินไม่สิ้นหวัง
ีรอฝนตกอีกครั้งยังฮึกเหิม
รู้อดทนไม่ท้อคอยต่อเติม
จะช่วยเพิ่มอนาคตให้งดงาม
ทั้งพืชสัตว์สิ่งของต้องทนอยู่
แม้ต้องสู้อุปสรรคเป็นขวากหนาม
คราวร้อนแล้งก็ต้องฝ่าพยายาม
ย่อมก้าวข้ามพ้นได้ในสักวัน
เกิดเป็นคนอดทนไว้ไม่ท้อถอย
เฝ้ารอคอยโอกาสวาดความฝัน
ดั่งสายฝนหล่นจากฟ้ามากำนัล
เพื่อรังสรรค์ความชุ่มชื่นสู่ผืนดิน
โดย ไชยเชษฐ์
"รางวัลรองชนะเลิศ"อันดับที่ ๑"
หัวข้อ : รอสายฝน..หลั่งหล่นสู่พื้นดิน
ผู้แต่ง : วิริน
สำนวนที่ ๔
………………………..
เมษาฯผ่านกาลเปลี่ยนหมุนเวียนรอบ
ลมพัดหอบเมฆฝนพ้นเขตขัณฑ์
สรรพสิ่งทั้งหลายล้มตายกัน
สะเทือนขวัญหวั่นหวาดแถมขลาดกลัว
ทุกชีวิตอิดโรยระโหยอ่อน
ความเดือดร้อนแผ่ซ่านบ้านเมืองทั่ว
ข้าวขาดฝนคนขาดน้ำช้ำหมองมัว
ฝูงควายวัวขาดหญ้าพาระกำ
ห้วยละหานเหือดแห้งแล้งเอาเหลือ
รอฝนเพื่อโปรยปรายหมายชุ่มฉ่ำ
ป่าถูกเผาเถ้าถ่านม่านฟ้าดำ
การกระทำของใครไหนบอกที
หากมิใช่มนุษย์หยุดเสียเถิด
อย่าเตลิดมุ่งร้ายหมายขยี้
เงินปูทางสร้างเสริมบารมี
ป่าป่นปี้เขาโล้นโกร๋นเหี้ยนเตียน
ขืนปล่อยไปแบบนี้เห็นทีแย่
ขอตีแผ่ให้ฟังดังที่เขียน
ยกประเด็นเป็นข้อขอนำเรียน
ช่วยกันเพียรสอดส่องพวกจ้องกิน
พฤษภาฯหว่านไถใกล้มาแล้ว
สุขตามแนวพ่อหลวงห่วงถวิล
เศรษฐกิจพอเพียงเลี้ยงชีวิน
ปลอดหนี้สินเป็นไทไม่อับจน
วิริน
๓๑/๕/๕๙
รางวัลรองชนะเลิศ"อันดับที่ ๒" ประกวดกลอนสุภาพ: ประจำเดือน พฤษภาคม
หัวข้อ "รอสายฝน หลั่งหล่นสู่ผืนดิน"
ประพันธ์โดย : สิริวตี
สำนวนที่ ๒
อ้ายหำเดินเข้าป่าครารุ่งสาง
สบเศษซากที่ถูกถางอย่างหมดสิ้น
หยดน้ำตาไหลหลั่งยังแผ่นดิน
หยดเพราะวิญญาณไพรไม่เท่าเดิม
เขากอบโกยก้อนดินก็กรังกรอบ
คือคำตอบต่อโลกไร้โชคเสริม
มองน้ำตกแต่งแต้มเคยแจมเจิม
ต้องขาดน้ำมาเติมต่อชีวิต
เมื่อตะวันเบิกฟ้าพาแสงฉาย
ส่องประกายความสว่างอย่างมีสิทธิ์
ก็เริ่มนำร้อนร่ายกระจายทิศ
คล้ายลิขิตฤทธิ์ตะวันของชั้นฟ้า
จึงเดินหันกลับบ้านอย่างหดหู่
เห็นในคูเหือดแห้งแฝงหย่อมหญ้า
ข้าวออกยวงรวงทองต้องผืนนา
สิ้นชีวาแห่งข้าวร้าวยิ่งนัก
หวังพระพรหมท่านเอื้อเข้าเกื้อหนุน
หวังพิรุณหลั่งมาพาตระหนัก
คิดควรปลูกพฤกษามาพิทักษ์
แล้วช่วยรักษ์รณรงค์ประสงค์ดี
ฟื้นนิเวศวิทยาขึ้นมาใหม่
ฝนอยู่ไหนก็พบมิหลบหนี
คงมิร้อนมิแล้งแห้งทั้งปี
จึงออกชี้ชักชวนมวลมิตรพลัน๚ะ๛
สิริวตี
.....เนื้อเรื่องต่อจากเดือนที่แล้วนะคะ....