วลีลักษณา
นักกลอนผู้รอบรู้
ออฟไลน์
กระทู้: 362
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
~*~ ยอดดวงใจ ~*~
~*~ กล่อมกานท์ ~*~
๐ บุหลันกระจ่างฟ้า.....รุจิราทิฆัมพร ฤทัยก็รอนรอน............มนย้อนพจีใคร
๐ ลิขิตอะคร้าวคำ........ดุจย้ำนิยามนัย คะนึงและอาลัย...........รติเพียงอนงค์นวล
๐ ประหวัดสิเนหา.........รจนาก็คร่ำครวญ แถลงละคำล้วน...........ปฏิพัทธ์มนัสปอง
๐ นิราศนิวาสห่าง-.......คคนางค์ระหว่างครอง หทัยสิหมายคล้อง........มิระย่อพยายาม
๐ เปรียบน้ำทิพถิ่นแถนโลมแผ่นหล้า หลั่งโลมพาชื่นเย็นรินเป็นสาย- สวาทหวานซ่านอยู่มิรู้คลาย ด้วยมั่นหมายแน่วแน่มิแปรคำ
๐ แม้อยู่ห่างต่างถิ่นถวิลถึง แต่หวานซึ้งคลอเคล้าอยู่เช้าค่ำ ผ่านสร้อยกานท์เรียงร้อยทยอยนำ วลีย้ำอาวรณ์มิซ่อนนัย
๐ ฤดูลมวนถึงอีกหนึ่งรอบ เหมันต์ครอบห้วงหาว..พี่หนาวไหม? ป่านนี้คงเย็นชื้นทั้งผืนไพร ห่วงคนไกลโดดเดี่ยวเปลี่ยวกมล
๐ สูรย์ยอแสงแปลงสรวงก่อนล่วงฟ้า เรื่อเรืองทาทาบหาวพร่างพราวหน ก่อนม่านดำครอบหล้าคลุมสากล เพื่อผ่อนปรนเหนื่อยล้าสู่ราตรี
๐ ลมเย็นพัดผ่านแผ่วโลมแนวไม้- สะท้านกิ่งก้านใบอยู่ในที่ หอบกลิ่นหอมอบอวลมวลมาลี แทรกฤดีซ่านอยู่มิรู้คลาย
๐ ล่องลอยเถิดแรงถวิลสู่ถิ่นโพ้น เพื่อถ่ายโอนหอมหวานผ่านเป็นสาย แล้วผูกเงื่อนรวบคล้องทั้งสองปลาย ยึดมั่นอย่ารู้คลายตราบวายชนม์
๐ เดือนเต็มดวงกลางหาวธารดาวห้อม นวลแสงย้อมคคนางค์กระจ่างหน กระจ่างเช่นข้างในหัวใจคน เฉกอำพนโคมแถนโลมแดนดิน
๐ จำเรียงร้อยคีตกานท์ล่องน่านฟ้า กล่อมนิทราคนไกล..ให้ถวิล เพียงหนึ่งเดียวเกี่ยวฤดีทั้งชีวิน แม้ห่างถิ่นสุดหล้าให้อาลัย
๐ แว่วหวานรสสังคีตประณีตนั้น หมายแทรกซึ้งซ่านขวัญให้หวั่นไหว ซอกซอนรักล้ำล่วงสู่ห้วงใจ มิหมายใครอื่นปลูกความผูกพัน
๐ ตลอดช่วงล่วงวารแสนนานเนิ่น แม้ห่างเหินเพียงกายยังหมายขวัญ แนบสนิทพิศวาสมิขาดกัน ตราบนิรันดร์มั่นหมายมิคลายคลอน
๐ กล่อมเพลงกานท์ผ่านล่วงทั้งห้วงฟ้า ล้อมแผ่นหล้าโลมขวัญค่อยผันผ่อน ผลัดความเหงาเผาไหม้ราวไฟฟอน ค่อยลดทอนโศกทรวงผ่านล่วงคืน
วลีลักษณา ๒๖ มกราคม ๒๕๖๑ ที่มา https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=waleelaksana&month=26-01-2018&group=26&gblog=87
ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : โซ...เซอะเซอ, เฒ่าธุลี, รการตติ, รพีกาญจน์, กิติราช ทับทิม, มณีฉาย, ❀ Sasi ❀, ดารกะ, เนิน จำราย, ระนาดเอก, พิณจันทร์, ธนุ เสนสิงห์, masapaer, Wirin, ปรางค์ สามยอด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
หอมหวานใดเทียมทันรำพันลักษณ์ ศาสตราวุธใดจักเทียบอักษร เฉือนคมบาดขาดวิ่นชีวินรอน ทั้งสร้างสรรค์บั่นทอนต่างตอนกรรม
|
|
|
กิติราช ทับทิม
กิตติมศักดิ์
ออฟไลน์
กระทู้: 271
|
Re: ~*~ กล่อมกานท์ ~*~
อุปเปนทรวิเชียรฉันท์๑๑ และ กลอนสุภาพ ไพเราะมากครับ คุณวลีลักษณา อ่านแล้วสุนทรียะยิ่งครับ ขอร่วมสักบทสองบทนะครับ... อภิญญ์กวินท์เหงา .. วทะเศร้าสลดความ สะทกสะเทือนตาม .. ตะละพจน์สะกดดึง ระเหระเร่ถิ่น .. ซิถวิลวิเวกขึง สะอึกสะอื้นอึง .. ชรอุ่มอุราตรม.. ..... แลท้องฟ้าราตรียามนี้หม่น เศร้าระคนขานเอื้อนมองเดือนฝืน เสียงหริ่งหรีดหวีดย้ำรำพันยืน สั่นสะอื้นอกไหวนัยน์หลั่งริน.. ร่ำวอนลมห่มองค์ร่างนงเจ้า ฝากความเหงางันคละความถวิล อ้อนดาวผ่องคล้องชานวิมานดิน โปรยกรุ่นกลิ่นกันเกราฉมเคล้านวล.. หลับเถอะศรีที่รักนอนพักเถิด ฝันบรรเจิดแจ่มยลมงคลถ้วน มนต์พรกานท์ผ่านคำล้ำเลิศมวล คุ้มครองจวนเจ้านี้.อย่ามีภัย ฯะ กิติราช ทับทิม : ๒๘ มกราคม ๒๕๖๑
ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : โซ...เซอะเซอ, วลีลักษณา, ชลนา ทิชากร, รพีกาญจน์, รการตติ, มณีฉาย, ❀ Sasi ❀, ดารกะ, เนิน จำราย, พิณจันทร์, ธนุ เสนสิงห์, masapaer, ระนาดเอก, ปรางค์ สามยอด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
วลีลักษณา
นักกลอนผู้รอบรู้
ออฟไลน์
กระทู้: 362
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
Re: ~*~ กล่อมกานท์ ~*~
๐ พิไรพิลาปร่ำ............ลหุคำขจายพรม ลุคืนก็ขื่นขม................ขณะข่มคะนึงเงา
๐ อุษารวีใส.................เฉพาะใจสิหม่นเทา ถวิล บ่ บางเบา.............คละเคล้ากระพือโหม
๐ ระบิลระบุนัย..............วจะไล้ประจบโลม ฤ ใจจะหมายโน้ม..........มนคล้องประคองเคียง
คืนฟ้าดับอับโสมประโลมส่อง ทั้งห้วงห้องหนหาวร้างดาวใส ฟ้าดินช่างหม่นเหงาเมื่อเงาใคร มาลับร้างห่างไกลเกินได้พบ
คงเหงาเงียบเยียบเย็นมิเว้นว่าง เมื่อต้องห่างทางฝันมิบรรจบ ฝากคำถึงใครนั้นอย่าพลันลบ- เลือนอาวรณ์ก่อนกลบจนจบรัก
แว่วคำกานท์ฝากถึงก็ซึ้งจิต ร่ายริขิตอ่อนหวานสานสลัก ถ้วนทุกเนื้อความนัยชื่นใจนัก ทุกเส้นสายลายลักษณ์ประจักษ์แล้วฯ
วลีลักษณา ๒๘ มกราคม ๒๕๖๑
ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : กิติราช ทับทิม, ชลนา ทิชากร, รพีกาญจน์, รการตติ, มณีฉาย, โซ...เซอะเซอ, ❀ Sasi ❀, ดารกะ, พิณจันทร์, ธนุ เสนสิงห์, masapaer, ระนาดเอก, ปรางค์ สามยอด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
หอมหวานใดเทียมทันรำพันลักษณ์ ศาสตราวุธใดจักเทียบอักษร เฉือนคมบาดขาดวิ่นชีวินรอน ทั้งสร้างสรรค์บั่นทอนต่างตอนกรรม
|
|
|
โซ...เซอะเซอ
นักกลอนระดับเพชรยอดมงกุฎ
ออฟไลน์
กระทู้: 3893
สมาชิกดีเด่นประจำเดือนนี้..
|
Re: ~*~ กล่อมกานท์ ~*~
พิรี้พิไรร่ำ................ขณะพร่ำพะวงเรียง จะน้อยจะมากเพียง...ลหุคร้ามนิยามหมาย
วลีวิถีถ้อย...............สุตด้อยดนูอาย ระทึกฤทัยชาย.........มติยั้งมิรั้งรอ
มิลองฤ จักรู้............วจะคู่วธูคลอ จะผิดจะเพี้ยนขอ......รติเร้าระรึงนวล
คืนฟ้าหลัวกลัวใจวาบไหวนั่น พาลปลุกปั่นเรรวนกระบวนแถว เพราะมัวหลงเพ็ญโสมโฉมเพริศแพรว จนซมแซ่วเหว่ว้างแทบวางวาย
อันความเศร้าเหงาทรวงในห้วงลึก ครั้นตรองตรึกตรึงตราอุราหมาย ก็หวังเคล้าเคียงข้างมิห่างกาย แต่กลับคล้ายเงาบาปมาทาบบัง
จึ่งร่ายร่ำโคลงกลอนอักษรร้อย ปนชื่นช้อย ตัดพ้อ ต่อความหวัง หากว่ารักโลเลคงเซซัง แต่หากยังคงมั่น...ฉันจะรอ...
Soul Searcher Inspired to write 29/1/2018
|
ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : ❀ Sasi ❀, วลีลักษณา, รพีกาญจน์, รการตติ, กิติราช ทับทิม, ดารกะ, เนิน จำราย, ชลนา ทิชากร, พิณจันทร์, ธนุ เสนสิงห์, masapaer, ระนาดเอก, ปรางค์ สามยอด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
วลีลักษณา
นักกลอนผู้รอบรู้
ออฟไลน์
กระทู้: 362
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
Re: ~*~ กล่อมกานท์ ~*~
ลิขิตวิจิตรร้อย..............วิเคราะห์สร้อยทยอยเรียง ประพนธหมายเพียง......ระบุนัยยะบรรสาน
ผิขาม ฤ ห้ามไหว.........ปิติใดมิอาจราน ระรวยระรินกานท์........พิเราะพร้องประลองเชิง
จรดจรัสเลิศ...............จะประเสริฐและดำเกิง ประดิษฐ์ประดอยเริง.....ระบิถ้อยสุภาพทำ
ต้นเป็นรักปักลง ให้สงสัย ว่านานไปใจเปลี่ยน ที่เวียนก่อ- สานไมตรี ไม่นานก็รานกอ- รักมิทันผลิช่อก็เฉาตาย
คล้ายขว้างหินถามทางไปพรางก่อน หวั่นรักซ้อนซ่อนเงื่อน แล้วเลือนหาย เกรงโศกเศร้าร้าวรอนเกินผ่อนคลาย หรือจึงร่ายเรียงความมาถามกัน
หากเข้าใจนิยามของความรัก ย่อมประจักษ์ใจแน่มิแปรผัน ดำรงอยู่กลางจิตนิจนิรันดร์ ไม่มีวันลบเลือนตามเงื่อนกาล
วลีลักษณา ๓๐ มกราคม ๒๕๖๑
ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : รพีกาญจน์, รการตติ, กิติราช ทับทิม, เนิน จำราย, โซ...เซอะเซอ, ชลนา ทิชากร, พิณจันทร์, ดารกะ, ธนุ เสนสิงห์, masapaer, ระนาดเอก, ปรางค์ สามยอด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
หอมหวานใดเทียมทันรำพันลักษณ์ ศาสตราวุธใดจักเทียบอักษร เฉือนคมบาดขาดวิ่นชีวินรอน ทั้งสร้างสรรค์บั่นทอนต่างตอนกรรม
|
|
|
โซ...เซอะเซอ
นักกลอนระดับเพชรยอดมงกุฎ
ออฟไลน์
กระทู้: 3893
สมาชิกดีเด่นประจำเดือนนี้..
|
Re: ~*~ กล่อมกานท์ ~*~
ประหวัดประหวั่นร้อย....ผิวะพร้อยชะรอยดำ จรดเจรียงคำ................จริยาผวาพลั้ง
กระมิดกระเมี้ยนแม้น....วจะแค่นมิจีรัง สะดุดสะดุ้งดัง..............ปฏิพัทธ์วิบัติวาย
ประลองประเล่ห์ล้น.......นฤมลมิเมียงหมาย ระทดระทวยราย...........ระบิถ้อยมิเท่าเทียม
ขึ้นต้นคำจำรายคล้ายต้นรัก พอวางวรรคหวั่นไหวจนไร้หวาน กลายต้นปีบลีบเยี่ยง เสลี่ยงคาน เก่าบุราณพาหนะปลดระวาง
อุปสรรครักมากลำบากแท้ ถูกตั้งแง่แปลงเสียงจำเรียงหมาง ไกลเกินเอื้อมเชื่อมชิดสนิทนาง หมดหนทางสางช่อพะนอเนา
เพราะซึ้งในนิยามความรักนั่น ว่าแปรผันตามจิตพินิจเหย้า แต่หัวใจเหว่ว้างช่างบางเบา แค่เห็นเงาเย้าหยอก...หลอกก็กลัว
...แต่งไปตามบริบทของกลอนนะครับ หากพลาดพลั้งไปกระทบกระทั่งประการใด ขออภัยล่วงหน้ามา ณ ที่นี้ด้วยครับ...
ด้วยความเคารพ Soul Searcher Inspired to write 1/2/2018
|
ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : กิติราช ทับทิม, รพีกาญจน์, ชลนา ทิชากร, พิณจันทร์, ดารกะ, ธนุ เสนสิงห์, ❀ Sasi ❀, masapaer, ระนาดเอก, เนิน จำราย, ปรางค์ สามยอด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
วลีลักษณา
นักกลอนผู้รอบรู้
ออฟไลน์
กระทู้: 362
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
~*~ ยอดดวงใจ ~*~
~*~ ยอดดวงใจ ~*~
๐ ยามโพล้เพล้แปรภาพระนาบภพ พรายพระลบย้อมแสงแต้มแต่งสี ก่อนผลัดช่วงล่วงฟ้าเพื่อราตรี ค่อยค่อยคลี่ม่านดำครอบงำกาล
๐ กลืนกลบแถบสีทองบนท้องฟ้า ตามเวลานาทีที่คล้อยผ่าน แสง-ภาพ ต่าง หมุนเวียนผลัดเปลี่ยนวาร แต่สิ่งหนึ่งตรึงนานทั้งลานทรวง
๐ นับตั้งแต่ครั้งนั้นถึงวันนี้ มิเคยมีวันไหนที่ไม่ห่วง เฝ้าร้อยเรียงสื่อความคอยถามทวง เพื่อหมายพ่วงเยื่อใยรั้งใจนั้น
๐ สูรย์หลีกเร้นเพ็ญเดือนก็เยือนหาว ประดับดาวพราวใสชวนให้ฝัน ลืมหรือยังสร้อยคำเคยรำพัน ยังดำรงคงมั่นฤาผันแปร
๐ อาจต้องอยู่ไกลห่างราวต่างฟ้า เพียงสบตาบนสรวงฝากดวงแข นวลแสงเรื่อเรืองเคลือบทอดเหลือบแล มอบเพียงแต่หนึ่งนั้นด้วยฉันทา
๐ ลมยามค่ำร่ำสายรำพายแผ่ว เพลงพาทย์แว่วหวานครวญคล้ายหวนหา ล่องลอยปนผสมสายลมมา สืบส่งนัยรจนาแห่งปรารมภ์
๐ ดุจตอกย้ำซ้ำลงจำนงนั้น จักร่นฟ้าร้อยฝันรอวันสม คนไหนอื่นหมื่นแสนมิแม้นชม ขอผูกปมคล้องวาสน์มิคลาดคลาย
๐ หากแต่แรงลิขิตอธิษฐาน ตรึงวิญญานรั้งอยู่เป็นคู่หมาย แม้รอบกาลแปรเปลี่ยนหมุนเวียนกลาย จนเบนบ่ายปลายทิศให้ผิดทาง
๐ ยังรอคอยคืนวันให้ผันล่วง ลิดรอนปวงโทษทัณฑ์ที่คั่นขวาง แม้สัมผัสรูปเงาเพียงเบาบาง ที่แคว้งคว้างกลางฝันยังมั่นรัก
วลีลักษณา ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๑
ที่มา https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=waleelaksana&month=10-02-2018&group=26&gblog=90
ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ : ชลนา ทิชากร, พิณจันทร์, เนิน จำราย, ดารกะ, รพีกาญจน์, โซ...เซอะเซอ, ธนุ เสนสิงห์, ❀ Sasi ❀, masapaer, ระนาดเอก, ปรางค์ สามยอด
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
หอมหวานใดเทียมทันรำพันลักษณ์ ศาสตราวุธใดจักเทียบอักษร เฉือนคมบาดขาดวิ่นชีวินรอน ทั้งสร้างสรรค์บั่นทอนต่างตอนกรรม
|
|
|
โซ...เซอะเซอ
นักกลอนระดับเพชรยอดมงกุฎ
ออฟไลน์
กระทู้: 3893
สมาชิกดีเด่นประจำเดือนนี้..
|
Re: ~*~ ยอดดวงใจ ~*~
โพล้เพล้พระลบลี้.........ล่วงพา เหินห่างร้างแรมรา........หลีกเร้น หมองหม่นหว่างเวหา....มืดสนิท เดือนดับมิวายเว้น.........หวั่นว้างอ่อนไหว
ยามอาทิตย์อัสดงพลัดหลงเศร้า สู่เงียบเหงาเวิ้งว้างหลุมพรางดัก อัสสุชลย้อนเยื้อนเหมือนทายทัก ทิ้งคำรักคงมั่น นิรันดร์ร้าง
เมื่อรักแรงแสงเดือนจ้าเกลื่อนกล่น ครั้นรักหม่นดุจเทียนกระเสียรจ่าง น้ำต้มผักเคยหวานก็พาลจาง กลิ่นแก้มนางชวนชิดยังคิดเมิน
ลมรำเพยเชยพัดผ่านวรรษา ลุล่วงมาเหมันต์แต่วันเนิ่น อุปสรรคยิ่งมากยากเผชิญ มิอาจก้าวดำเนิน เหินห่างไกล
วิวิตวามรับรุ่งอรุณแว่ว- เสียงเจื้อยแจ้วลอยมาแต่ฟ้าไหน ยั้งสติครั่นคร้ามมิตามใจ ห้วงอาลัยฉุดลากกระชากย้อน
ฤาเป็นแรงลิขิตอธิษฐาน รั้งผูกพ่วงดวงมานแต่กาลก่อน ขึงกระหวัดไหววาบอาบนิวรณ์ ลวงภมรเชื่อมชิดสนิทนวล
ยามสงัดราตรีฤดีสบ ซึ้งสงบหว่างใจที่ไห้หวน ผ่านเส้นทางชีวิตคิดใคร่ครวญ หยั่งตรึงตรวนร้อยวาสน์ชาติภพเจอ
ฤาอาทิตย์อัสดงให้ปลงตก ไร้นรกไร้สวรรค์เพียงฝันเก้อ ธรรมชาติชี้นำธรรมเลิศเลอ หลอมใจเธอเคียงฉันนิรันดร์เนา
Soul Searcher Inspired to write 13/2/2018
*กระเสียร : คับแคบ, ลำบาก, ฝืดเคือง ใช้เข้าคู่กับคำ กระเบียด เป็น กระเบียดกระเสียร วิวิต : สงัด, ปลีกตัวไปอยู่ในที่สงัด
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
|
วลีลักษณา
นักกลอนผู้รอบรู้
ออฟไลน์
กระทู้: 362
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
...เพลงคลื่น กับวันแห่งความรัก...
๐ แสงตรู่สางเรื่อเรืองเข้าเปลื้องภพ แต่งอรรณพวาบวิบระยิบไหว ขับความหนาวคราวอรุณด้วยอุ่นไอ ดุจโอบโลกหล้าไว้ด้วยใจรัก ๐ ลมทะเลเห่กล่อมตะล่อมคลื่น แต่งลำตื่นซัดสาดสู่หาดผลัก- เม็ดทรายดื่นเกลือกกลิ้งไม่นิ่งพัก ก่อรอยทรายคล้ายสลักด้วยอักษรา ๐ คลื่นอารมณ์ร่ายริ้วอยู่พลิ้วไหว วาดวางในลานฝันสื่อหรรษา ขับกล่อมถ้อยประพันธ์กำนัลพา คลายความว้าเหว่พรากออกจากทรวง ๐ หวั่นรอยนั้นเลือนหายกับสายน้ำ ยามสาดซ้ำกล้ำกรายมลายล่วง ไม่เหลือแม้สักนิดลิขิตปวง ครั้นสิ้นช่วงล่วงวันก็ผันแปร วลีลักษณา ที่มา https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=waleelaksana&month=15-02-2018&group=26&gblog=91
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
หอมหวานใดเทียมทันรำพันลักษณ์ ศาสตราวุธใดจักเทียบอักษร เฉือนคมบาดขาดวิ่นชีวินรอน ทั้งสร้างสรรค์บั่นทอนต่างตอนกรรม
|
|
|
โซ...เซอะเซอ
นักกลอนระดับเพชรยอดมงกุฎ
ออฟไลน์
กระทู้: 3893
สมาชิกดีเด่นประจำเดือนนี้..
|
...เพลงคลื่น กับวันแห่งความรัก...
เรืองรองระลอกริ้ว..............วารี สวยส่องอรุณี.....................แต่งแต้ม ระยิบระยับธี-.....................รภาส ยวนหยอกเยิ้มหยาดแย้ม....หยั่งถ้อยถวิล
รวยรินระบัดร้อย.................รังสรรค์ หอมห่มหฤหรรษ์.................หว่านล้อม รติร่วมทางฝัน.....................ฟุ้งเฟื่อง กลอนเห่นวลเหนี่ยวน้อม......สุดต้านทานไหว
ไกลกันกระหวัดแจ้ง.............กำจาย ปรุงแต่งว้างวุ่นวาย..............เหว่ว้า เหินห่างแต่มิหาย................หวนจิต “เพลงคลื่น”แม้อ่อนล้า.........โอบเคล้าคลอขวัญ
Soul Searcher Inspired to write 19/2/2018
|
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
วลีลักษณา
นักกลอนผู้รอบรู้
ออฟไลน์
กระทู้: 362
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
~*~ รักที่มั่นคง ~*~
~*~ รักที่มั่นคง ~*~ ๐ เมื่อควานหาความหมายจากภายนอก ก็กลิ้งกลอกกลับกลายเป็นหลายหน ช่างยากนักหยั่งรู้ใจผู้คน ที่วกวนไหวตื่นดุจคลื่นลม ๐ ไม่คงที่มีแต่จะแปรผัน ครั้งสัมพันธ์เป็นอื่นก็ขื่นขม ยึดมั่นอย่างไม่พร้อมจะตรอมตรม จึงถูกคมแห่งกาลลิดรานรอน ๐ ฟ้าแปลงทัศน์ผลัดสีนทีเปลี่ยน วันเดือนเวียนกรายผลัดเข้ากัดกร่อน สุขทุกข์ต่างลาล่วงตามช่วงตอน ทิ้งตะกอนขุ่นข้นอยู่ปนใจ ๐ แสงตรู่สางเรื่อเรืองเข้าเปลื้องภพ อีกคำรบแปลงฟ้าอุษาใส และอีกครั้งปลดเปลื้องทุกเรื่องไป ที่ค้างคาข้างในให้ลบเลือน ๐ ปลูกความรักปักลงมิสงสัย เป็นรักที่ยิ่งใหญ่หาใดเหมือน แม้เนิ่นนานผ่านผันเปลี่ยนวันเดือน ขอผูกเงื่อนรักไว้เพียงใจตน ขออภัยที่ไม่ต่อสัมผัสนะคะ วลีลักษณา ที่มา https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=waleelaksana&month=02-2018&date=15&group=26&gblog=91
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
หอมหวานใดเทียมทันรำพันลักษณ์ ศาสตราวุธใดจักเทียบอักษร เฉือนคมบาดขาดวิ่นชีวินรอน ทั้งสร้างสรรค์บั่นทอนต่างตอนกรรม
|
|
|
|
|