ธนุ เสนสิงห์
กิตติมศักดิ์
ออฟไลน์
กระทู้: 1283
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
Re: แม่ศรีวรรณทอง ตำนานบ้านย่านดินแดง (พิมพ์ครั้งที่ ๒)
ธนุ เสนสิงห์ 21 กลบทพระจันทร์ทรงกลด
ลูกเอ๋ยรอรอบุญปลูกโอ้ลูกเอ๋ย ดังฝันเลยเลยแม้ล่ามาดังฝัน ตื้นตันจิตจิตชื่นมื่นด้วยตื้นตัน จัดงานใหญ่ใหญ่รับขวัญวันจัดงาน
คราแรมมามาพิศหน้าเมื่อคราแรม สงสารหนูหนูตุ่มแต้มแสนสงสาร พิการกลกลทั่วกายคล้ายพิการ ร่างกายกลับกลับเข้คลานเปลี่ยนร่างกาย
ซึ้งคำขอขอลูกเสือเข้ซึ้งคำ สลายโศกโศกรับกรรมโศกสลาย กลับกลายร่างร่างกลับรักมิกลับกลาย ตาปีใหญ่ใหญ่ลงว่ายสายตาปี ....................................
อำนาจนั้นเหนือเผ่าพงศ์พันธุ์ทั้งหลาย ต่างถวายสวามิภักดิ์ด้วยศักดิ์ศรี ขานชื่อว่า “พญาท่าข้าม”ตามบุรี ท้องนทีครั่นคร้ามทั่วมิกลัวใคร
เมื่อเดือนขึ้นบางคราคืนกลับมาบ้าน บางคราผ่านหลายแรมเร่เถลไถล พ่อแม่นั้นหมั่นสอนสั่งอย่างห่วงใย ขออย่าให้ก่อบาปกรรมซ้ำชีวี
ด้วยความรักห่วงหนักในใจพ่อแม่ ไม่อยากแก่ไม่อยากตายไม่หน่ายหนี แต่ชีวิตเป็นอนิจจังดังวจี มินานปีแม่และพ่อก็สิ้นบุญ
มีแม่บ้านคนขยันอันเก่าแก่ ช่วยดูแลการทั้งหลายได้เกื้อหนุน ด้วยหวังดีมีเมตตารักการุณย์ อยู่ค้ำจุนบ้านบ่าวไพร่เหมือนนายมี
ณ แดนดินถิ่นยอดน้ำนามอิปัน* พนาวันอันห่างไกลไร้วิถี เหนือเขตบ้านปลายพระยาวนาลี หมู่บ้านนี้เชื้อสืบมานาคีพงศ์
บูชางูเฉกเช่นเป็นเทพเจ้า แต่ผู้เฒ่าสืบทอดศาสน์พึงประสงค์ ใช้ชีวิตติดในถิ่นดินแดนดง มิจำนงจะเดินดินไปถิ่นใด
-นายบ้านยังชื่อนายพังกับนางพาน สืบวงศ์วานจากพ่อปู่ผู้เชื้อไข สถิตอยู่บนภูเขาลำเนาไพร เป็นงูใหญ่ลำตัวยาวราวเจ็ดวา .......................................... อีปัน สายน้ำที่มีต้นน้ำจากเขต อ.ปลายพระยา จ.กระบี่ เป็นสายน้ำสำคัญที่หล่อเลี้ยงให้ความอุดมสมบูรณ์เป็นดังสายชีวิต ของชาว อ.พระแสง ไหลลงมาบรรจบกับแม่น้ำตาปี ณ ปากปันเหนือย่านบ้านดินแดง
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
กิตติมศักดิ์
ออฟไลน์
กระทู้: 1283
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
Re: แม่ศรีวรรณทอง ตำนานบ้านย่านดินแดง (พิมพ์ครั้งที่ ๒)
ธนุ เสนสิงห์ 23 อายุมีมิใช่น้อยหลายร้อยปี นอนกับที่ไม่ไหวติงอหิงสา จนเถาวัลย์พันปกคลุมคุ้มกายา แต่ปากอ้าค้างเอาไว้คล้ายซุ้มพง
รอคอยสัตว์ตัวใดคราชะตาขาด ถึงคราวจะสิ้นชีวาตม์จึงพลาดหลง เดินเข้าปากเป็นเหยื่อได้ให้ชีพทรง เพื่อดำรงรูปร่างนี้ไว้นิรันดร์
กลบทสิงโตเล่นหาง.
ได้เวลาเทพวนามาบังเกิด สิ่งประเสริฐของพานพังดังที่ฝัน มุ่งหวังใจได้บุตรชายหมายนานครัน มาถึงวันสิ่งที่หวังดั่งใจปอง
ถึงแรมได้กลายร่างเห็นเป็นงูน้อย เพื่อนบ้านพลอยร่วมสุขสันต์กันทั้งผอง หวังภายหน้าพญางูผู้ปกครอง งานฉลองต่างเริงรื่นชื่นชีวา
วัยลำดับสลับร่างอย่างเปิดเผย มิได้เคยคิดน้อยใจในวาสนา ทั่วแดนดงล้วนจงรักภักดิ์บูชา นามพญาแห่งยอดน้ำล้ำพงศ์พันธุ์
สาวน้อยใหญ่มีมากหลายหมายสมัคร มั่นคงรักนางกลางใจในความฝัน โอ้เนื้อเย็นหลีกเร้นคู่อยู่ไหนกัน ทุกคืนวันเฝ้าคะนึงถึงแต่นาง
กลบทธงนำริ้ว.
รื่นรื่นกลิ่นมะลิลาดอกส่าเหล้า เคลิ้มเคลิ้มนอนก่อนเริ่มเช้าหนาวรุ่งสาง กกกกพรอดกอดถนอมหอมนวลปราง รัดรัดแนบแอบอิงร่างมิห่างกาย
สุดสุดแสนเสน่หาตราตรึงจิต หวั่นหวั่นคิดใจระรัวกลัวน้องหาย เอ๊กเอ๊กไก่ขันกระชั้นตะวันพราย ตื่นตื่นสายแสนอายหมอนนอนแทนน้อง ....................................................... อีปันล่องไหลเรื่อยเรื่อยเฉื่อยเฉื่อยฉิว ตกโตน*ลิ่วหลากหลั่งดังกึกก้อง หน้าฝนมาผืนป่าชุ่มลุ่มน้ำนอง รวมลำคลองหลายธาราเป็นตาปี
ณ เขตคามเหนือปากน้ำอีปันนั้น อัปสรสุวรรณกัลยามารศรี จุติเป็นธิดาของสองผู้ดี ที่หลบลี้มาครองรักจากแดนไกล
-------------------------------------------
โตน กระแสน้ำที่ไหลผ่านโขดหินที่ขวางลำคลองอยู่ คล้ายน้ำตกเตี้ย ๆ
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
กิตติมศักดิ์
ออฟไลน์
กระทู้: 1283
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
Re: แม่ศรีวรรณทอง ตำนานบ้านย่านดินแดง (พิมพ์ครั้งที่ ๒)
ธนุ เสนสิงห์ 31 แม้พญาจะสงสารพ่อแม่นัก หากความรักเกิดแก่ใจจะไม่หนี ผิรักพร้อมยอมถวายให้ชีวี โอ้รักนี้จุดเริ่มต้น ณ หนใด
พ่อแม่บอกบริวารออกควานหา หญิงโสภาแห่งแดนดินอยู่ถิ่นไหน ถ้าลูกรักสินสอดมากสักเท่าไร จะตามไปเพื่อสู่ขอเป็นคู่ครอง
ครั้นข่าวลืออันเซ็งแซ่แพร่มาถึง ว่าสาวหนึ่งเลิศวิไลไม่มีสอง สวยสง่าผิวดั่งทาด้วยเปลวทอง อยู่ปากคลองสุดอิปันสบตาปี
ชื่อสาววรรณอันงดงามทั้งน้ำจิต แม่มิ่งมิตรสร้างกุศลบุญราศี สืบประยูรตระกูลพงศ์วงศ์ผู้ดี ที่หลบลี้มาครองรักอยู่ปากปัน
ได้ยินนามแม้เพียงนิดอยากชิดใกล้ แน่ในรักปักหทัยนางในฝัน ดวงจิตดั่งต้องมนตราพางงงัน กรรมผูกพันเร้าระรัวขั้วหัวใจ
ถึงจะอยู่ไกลแสนไกลไม่เห็นหน้า ท่านพญาก็พะวงจิตหลงใหล พานและพังเกิดความหวังขึ้นทันใด ด้วยยังไม่เคยพบเห็นที่เป็นมา
มั่นใจหมายลูกได้พบประสบคู่ เคยสมสู่เป็นบุพเพเสน่หา เมื่อลูกรักนั้นเอ่ยปากจะจากลา ออกตามนางสั่งโยธาพร้อมทันใด
เตรียมเข้าของทั้งหยูกยาพร้อมอาหาร บริวารนับมิถ้วนขบวนใหญ่ จงอางกล้าขุนทหารอันเกรียงไกร ติดตามไปอีกไม่น้อยคอยคุ้มกัน
เมื่อเคลื่อนพลพ่อพญามาสั่งความ ว่าก่อนข้ามผ่านลำธาร “บางสวรรค์”* เป็นข้อวัตรปฏิบัติมานานครัน เยี่ยมราชันแดนนาคาทุกคราไป
คารวะตระกูลวงศ์นาคราช บรมบาทเจ้าบาดาลกาลสมัย แวะ “สระแก้ว”*อัศจรรย์อันวิไล น้ำผุดใสทิพยวังอลังการ ---------------------------------------------- บางสวรรค์ เป็นธารน้ำใหญ่กว่าสายน้ำที่ไหลออกจากใต้ ชั้นหินภูเขาทั่วไป ถ้าวิ่งเรือทวนกระแสน้ำขึ้นไป เหมือนสายน้ำนั้นมุดหายลงไป ใต้ภูเขาโดยทันที จึงเรียกขานกันว่าธาร บางสวรรค์ สระแก้ว เดิมเชื่อกันว่าเป็นแหล่งน้ำศักดิ์สิทธ์ น้ำในสระนี้เคยใช้เข้าพระราชพิธี บรมราชาภิเษก ของพระมหากษัตริย์ไทยมาแต่โบราณ ถือเป็นส่วนหนึ่งของสหัสธารา ซึ่งประกอบด้วยน้ำจากปัญจมหานทีแห่งมัธยมประเทศ และแม่น้ำสำคัญ ๕ สายของไทย รวมกับน้ำในสระทั้ง ๔ คือ สระเกศ สระแก้ว สระคงคา สระยุมนา หลังสุดเคยใช้ในพระราชrพิธีพระมุรธาภิเษก ในรัชกาลปัจจุบัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
กิตติมศักดิ์
ออฟไลน์
กระทู้: 1283
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
Re: แม่ศรีวรรณทอง ตำนานบ้านย่านดินแดง (พิมพ์ครั้งที่ ๒)
ธนุ เสนสิงห์ 35 พญาทำตามเคล็ดแห่งนาคราช พ้นผาลาดเบิกรับแสงสุริยฉาน ร่างพญาล่องโลดไหลไปมินาน ออกสู่ธารบางสวรรค์ในบัดดล
พบพหลพลโยธีที่รอท่า ไม่รอช้าสั่งเดินทางต่ออีกหน ทุกคนทำตามบัญชาหน้าที่ตน แล้วดั้นด้นเดินฝ่าดงมุ่งตรงไป
ถึงปากปันวันแรมใหม่ใกล้เข้ามา คอยพบกันยามจันทราลอยฟ้าใส เฝ้าแอบมองยอดพธูอยู่ไกลไกล ยิ่งมั่นใจนางในฝันนั้นคือเธอ
ในใจพี่มีตัวเจ้าเข้าแฝงเร้น มิทันเห็นก็ใฝ่หามาเสมอ ชะรอยครั้งปางก่อนชู้คู่บำเรอ จึงพร่ำเพ้อถึงแต่ยอดเยาวมาลย์
แล้วให้ถางโค่นป่าไม้ใกล้ปากปัน สร้างหนำ*พลันมุงทัง*ใหญ่กั้นไผ่สาน ปลูกพืชพรรณอันเคยทำจนชำนาญ กับเพื่อนบ้านค่อยพันผูกปลูกเยื่อใย
ให้บอกว่าย้ายกันมาจากกระบี่ มาหาที่ไว้พึ่งพาอยู่อาศัย ถ้าพืชออกงอกงามดีมีกำไร ค่อยกลับไปรับครอบครัวของตัวมา
เมื่อรับกรรมกลับกลายร่างไม่ห่างหาย ยอมทุกข์ทรมานกายซ่อนชายป่า แอบมองวรรณอย่างพึงใจไม่คลาดตา เสน่หาเร้าฤทัยไม่หลับนอน
กลบทกวางเดินดง
อกเอ๋ยรุ่มกลุ้มจริงหนอต้องรอท่า น้องเอ๋ยขอข้างขึ้นมาเชยสมร โธ่เอ๋ยแรมเหมือนแช่มช้าพาใจรอน เดือนเอ๋ยจรจงลอยเด่นเถิดเพ็ญจันทร์
............................................. ขอย้อนกล่าวถึงพญาแห่งท่าข้าม ยังมีความอิ่มเอมใจให้สุขสันต์ จากโฉมตรูอยู่เคหามาสิบวัน เย็นวันนั้นเพื่อนบ้านเล่าถึงข่าวดี ว่าปากปันนั้นมีสาวงามพราวพรั่ง ผิวเปล่งปลั่งดั่งสุวรรณนวลฉวี งามจิตใจงามวาจางามท่าที กุลสตรีเป็นหนึ่งเดียวในดินแดน
--------------------------------------
หนำ กระต๊อบชั่วคราวขนาดเล็ก ทัง ไม้ป่าตระกูลปาล์มต้นใหญ่ใบกว้างราว ๑ เมตร
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
กิตติมศักดิ์
ออฟไลน์
กระทู้: 1283
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
Re: แม่ศรีวรรณทอง ตำนานบ้านย่านดินแดง (พิมพ์ครั้งที่ ๒)
36 แม่ศรีวรรณทอง ตอนที่ ๓ แรงรักแห่งอดีตชาติ
พญาไม่สนใจนางฟังผ่านผ่าน ยังอิ่มไออุ่นรักหวานอันสุขแสน คนส่งข่าวเขากลับไปใจคลอนแคลน แปลกใจแม้นอยากนอนหลับกลับตื่นตา
เฝ้าครุ่นคิดจิตพะวงแสนสงสัย เหตุไฉนใจตื่นเต้นเป็นนักหนา หรือใจติดคิดถึงข่าวเขาเล่ามา เรื่องเขาว่าหรือทุกสิ่งจะจริงจัง
เมื่อค่อนแจ้งแรงอ่อนล้าพาเคลิบเคลิ้ม ความฝันเริ่มภาพรักนางแต่ปางหลัง สะดุ้งตื่นจิตคืนกายใจเต้นดัง “นิมิตตังอวมังคลัญ” ท่อง“ยันทุน”*
ใจมันตื่นฝืนอย่างไรตาไม่หลับ ลุกขยับนั่งกอดเข่าเอาคางหนุน คิดใคร่ครวญทบทวนความยามอรุณ โอ้แม่คุณหรือมีมนต์ดลหทัย
จิตประหวัดพยายามจะห้ามหัก ฤทธิ์แรงรักบุพชาติพาหวาดไหว สุดท้ายแล้วก็ไม่แคล้วตัดสินใจ เดินทางไปตามกรรมนั้นบันดาลดล
ต้องรีบเร่งแรมไล่มาเวลาน้อย ลัดเลียบดอยเขาหัวควายเมื่อปลายฝน ผ่านบ้านนา*หน้าสาวใดไม่ยอมยล รีบดั้นด้นมุ่งหน้าผ่าน “บ้านลำพูน”*
กลางแดดฝนทนเดินทางอย่างเร็วรี่ ดั่งจะหนีคำสาปไว้แห่งไอศูรย์ เดือนแรมมาถึง “ท่าชี” มิอาดูร พอกลายร่างอย่างสมบูรณ์ล่องน้ำไป
ทวนกระแสน้ำไหลเชี่ยวเกลียวแรงกล้า ถึงกายล้าเมื่อใจสั่งยังทนไหว อยากเห็นหน้านางยิ่งนักสุดหักใจ ลัดคลองไวไม่มีพักถึงปากปัน
วนเวียนว่ายใกล้ศาลาริมท่าน้ำ แม่งามล้ำจริงดั่งลือหรือเสกสรร ยามสนธยามาก็เป็นเช่นทุกวัน สาววรรณนั้นลงอาบน้ำตามเคยมา
------------------------------ ยันทุน พระพุทธมนต์บทหนึ่ง โบราณให้ท่องหลังฝันร้าย จะทำให้คลายความกังวล และนอนหลับต่อได้ และเชื่อว่าฝันร้ายจะกลายเป็นดี บ้านนา อ.บ้านนาเดิม ลำพูน ชื่อเดิมของ อ.บ้านนาสาร ปัจจุบัน
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
ธนุ เสนสิงห์
กิตติมศักดิ์
ออฟไลน์
กระทู้: 1283
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
Re: แม่ศรีวรรณทอง ตำนานบ้านย่านดินแดง (พิมพ์ครั้งที่ ๒)
ธนุ เสนสิงห์ 37 กลบทอธิบดีอักษร
ยลผิวนางษฑังค์*พรั่งดั่งคำขาน ตลึงลานเกษมจิตฤทธิ์ปรารถนา ษณฑาลี*แหล่งนี้นางล้างกายา ดาษดาบุษบงทรงพิไล
หากโฆษะนางจะผละประหวั่นจิต อยากใกล้ชิดขอษมาถ้าน้ำไหว ษัฑวารมินานนักหักฤทัย ภาษิตให้อดเปรี้ยวรอพอหวานมัน
...............................
วันขึ้นค่ำน้ำค้างพราวยามเช้าตรู่ ผู้รออยู่หวังวันชื่นคืนสุขสันต์ เหนือใต้คลองมีสองหนุ่มมุ่งบ้านวรรณ มาพบกันช่างพอดีที่ปากคลอง
เลี้ยวเข้าซอยต่างไม่เลี่ยงเดินเคียงคู่ มั่นหมายให้เป็นหนึ่งอยู่มิเป็นสอง เดินชิงทางต่างหวังได้ดั่งใจปอง เพื่อคู่ครองกัดฟันคอยไม่ถอยท้อ
สาววรรณตื่นตั้งแต่เช้าเข้าครัวไฟ หุงข้าวใหม่กุ้งแกงส้มต้มปลาหมอ เสร็จแบ่งสรรเป็นสามส่วนอันควรพอ เลี้ยงแม่พ่อพระคุณเลิศควรเทิดทูน
สองเตรียมไว้ถวายพระภิกษุสงฆ์ สืบศาสน์คงรักษาไว้ไม่เสื่อมสูญ สามแบ่งขอพอเลี้ยงกายให้สมบูรณ์ เหลือเกื้อกูลสัตว์ทุกหมู่กรุณา
กรวดน้ำแผ่เมตตาให้ไปเป็นนิตย์ หมั่นฝึกจิตละความโลภริษยา เตรียมทุกสิ่งเมื่อเสร็จสรรพจับถาดพา ออกด้านหน้าพ้นประตูมิรู้ความ
ว่าจะพบผู้ร่วมกรรมแต่ปางหลัง จุติดังพรหมบัญชากันทั้งสาม สองพญาชิงกันเอ่ยเปิดเผยนาม ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมตามอยู่หลังใคร
สาววรรณนั้นมีน้ำใจไมตรีจิต คบดุจมิตรจำนรรจาอัชฌาสัย ครั้นพระสงฆ์ตรงมาถึงซึ่งบันได สองพญาต่างพร้อมใจช่วยกานดา
วรรณตักข้าวใส่ลงบาตรจบถาดงาม พญาท่าข้ามรับชั้น*ไว้ใส่มัจฉา ฝ่ายพญาแห่งยอดน้ำรับย่ามพา ถวายยาพร้อมดอกไม้ใส่หมากพลู
เสร็จเข้ากราบทั้งบิดาและมารดร รับคำสอนโอวาทเข้มเต็มสองหู มีมิตรแท้ดีแน่กว่าหาศัตรู ท่านหยั่งรู้ประสบการณ์ผ่านโลกมา
-----------------------------------------------------
ชั้น ปิ่นโต (ภาษาถิ่น), ษฑังค์ ส่วนสำคัญทั้งหกของร่างกาย คือ แขน ๒ ขา ๒ หัว ๑ ลำตัว ๑ ษณฑาลี สระน้ำ-ที่หญิงชอบเล่น
|
|
|
บันทึกการเข้า
|
|
|
|
|