Username:
Password:
หน้าแรก
ห้องสนทนา
ช่วยเหลือ
ค้นหา
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
เว็บไซต์อารมณ์กลอน เว็บไซต์สำหรับผู้มีกลอนในหัวใจ..
>>
อารมณ์กลอน
>>
ฉันท์ กาพย์ ร่าย
>>
ศตอีสปนิทานคำกรอง (โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
หน้า:
1
[
2
]
3
ลงล่าง
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
พิมพ์
ผู้เขียน
หัวข้อ: ศตอีสปนิทานคำกรอง (โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย) (อ่าน 59534 ครั้ง)
0 สมาชิก
และ 4 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
สนอง เสาทอง
นักกลอนผู้อ่อนไหว
ออฟไลน์
กระทู้: 136
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
|
Re: ศตอีสปนิทานคำกรอง (โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
«
ตอบ
#15 เมื่อ:
04 กันยายน, 2556, 11:13:29 AM »
หน้าแรก
Re: ศตอีสปนิทานคำกรอง (โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
ศตอีสปนิทานคำกรอง
(โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
๑๖.
ลูกปูกับแม่ปู
๑.
อันปูเปี้ยวเผ่าเชื้อ นาทะเล
โย้ป่ายเย้ขาเก เยี่ยงนั้น
สอนปูบ่เดินเฉ ก้าวเที่ยง ตรงฤา
ปูว่านวงศ์ใช่รั้น ไต่เบี้ยวนิสัยฯ
๒.
เผ่าเชื้อพงศ์ปู ล้วนรู้ไต่เบี้ยว
ลัดเดินดุ่มเที่ยว โย้เย้เฉไฉ
สอนปูเดินเที่ยง พึงเลี่ยงรู้ไว้
แต่ไหนแต่ไร ปูไต่เบี้ยวสิ้นฯ
๓.
เผ่าเชื้อว่านวงศ์ปู ใครล้วนรู้ไต่เบี้ยวเสมอ
ไต่ตรงไม่พบเจอ ด้วยปูเธอล้วนขาเก
สอนปูให้เดินตรง ปูยังคงไต่โย้เย้
ปูนาปูทะเล ล้วนไต่เฉอยู่นิสัยฯ
๔.
กาลครั้งหนึ่ง แม่ปู มีลูกอ่อน ไม่อนาทร กล่อมเลี้ยง เฝ้าฟูมฟัก
เลาะริมเลน ชายหาด ถิ่นพำนัก เฝ้าถนอมรัก ลูกน้อย วัยน่าชัง
เช้าวันหนึ่ง แม่ปู เดินนำหน้า ฝูงลูกปู สาระพา เฮโลหลัง
แม่สังเกต ลูกไต่ โย้เย้จัง จึงสอนสั่ง ลูกจ๋า เดินให้ตรง
แม้แม่ปู ดุด่า สักเท่าไหร่ ลูกปูยัง เฉไต่ คล้ายเลือนหลง
แม่สำทับ กี่ครั้ง ลูกปูคง ไม่พะวง เดินส่าย ป่ายเฉทาง
โดนแม่ด่า ลูกปู ชักหงุดหงิด จึงสะกิด บอกแม่ ทำตัวอย่าง
เดินให้ตรง จักดู ตาไม่วาง ทุกก้าวย่าง ไต่ตรง ตามแม่เอยฯ
๕.
คตินิทาน เรื่องนี้ ท่านสอนว่า
ก่อนว่าใคร นั่นหนา คิดเสียบ้าง
ดูตัวเอง เตือนตน ให้ถูกทาง
เป็นเยี่ยงอย่าง ก่อนอ้าง สอนสั่งเอยฯ
๖.
ก่อนว่าใครคิดบ้าง อย่ากล่าวอ้างแล้งลม สมควรวางตัวตน ทุกคนได้รู้เห็น เป็นเยี่ยงอย่างชัดเด่น เช่นแม่ปูนั่นเล่า เผ่าเชื้อปูขาเก ปูทะเลปูนา นานมาล้วนไต่เบี้ยว คดเลี้ยวไม่ตรงเที่ยง เยี่ยงเช่นปูว่านเครือ ยากเหลือสอนลูกปู ให้หนูเดินตรงทาง เฉอย่างปูไต่ก้าว เบี้ยวทุกครั้งสืบเท้า เช่นนั้นนิสัย ฉะนี้ฯ
๗.
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
“ก่อนจะว่าผู้อื่นนั้น ให้ดูตัวเองเสียก่อน”
ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :
ระนาดเอก
บันทึกการเข้า
~รวมทุกสำนวนของ"สนอง เสาทอง"ครับ ~
สนอง เสาทอง
นักกลอนผู้อ่อนไหว
ออฟไลน์
กระทู้: 136
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
|
Re: ศตอีสปนิทานคำกรอง (โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
«
ตอบ
#16 เมื่อ:
04 กันยายน, 2556, 11:32:39 AM »
หน้าแรก
Re: ศตอีสปนิทานคำกรอง (โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
ศตอีสปนิทานคำกรอง
(โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
๑๗.
ลูกแพะปากเก่ง
๑.
ลูกแพะขลาดเก่งกล้า ฝีปาก
ร้องด่าเย้ยถางถาก แกว่งถ้อย
หลังคาหลบสูงยาก ปีนป่าย ถึงนา
หมาป่าบ่แต่งสร้อย ต่อล้อทุ่มเถียงฯ
๒.
คารมคมถ้อย แต่งร้อยถางถาก
เก่งตีฝีปาก ตัวนั้นเร้นซ่อน
หากเจอซึ่งหน้า เงียบท้าเข่าอ่อน
เก่งแต่ปากบอน ลิ้นข่มอ้างเขื่องฯ
๓.
แพะขลาดฝีปากกล้า ร้องเย้ยด่าร้ายเราะราน
หลบบนหลังคาบ้าน ทำกล้าหาญร้องท้าสู้
หมาป่าอยู่เฉยนิ่ง หาเกรงกริ่งด้วยตนรู้
เงียบเฉยเนารั้งอยู่ จ้องมองดูไม่ต่อคำฯ
๔.
กาลครั้งหนึ่ง ชาวนา ซื้อลูกแพะ เดินเตาะแตะ เลี้ยงไว้ คอกใกล้บ้าน
หวังเติบโต นมเจ้า ได้เจือจาน มื้ออาหาร อิ่มท้อง ชีพประทัง
ในย่านนั้น หมาป่า จอมเจ้าเล่ห์ เทียววนเวียน เตร็ดเตร่ ไม่หย่อนยั้ง
ปองสัตว์เลี้ยง ของใคร ไม่ระวัง คมเขี้ยวฝัง ฟัดจม ถึงวายปราณ
มาวันหนึ่ง ลูกแพะ เที่ยวซนซุก ปีนขึ้นบุก หลังคา ชาวนาบ้าน
เห็นหมาป่า แวะวน แสนรำคาญ ตะโกนด่า ฉาดฉาน ไม่หวั่นใด
เจ้าหมาป่า ใจบาป ช่างหยาบช้า เจ้าหมาชั่ว ตัวข้า หากลัวไม่
เทียวเลาะบ้าน นายข้า ไม่วางใจ จงออกไป ไม่งั้น ได้เห็นดี
ลูกแพะน้อย ทำเก่ง ฝีปากกล้า ตะโกนด่า ไม่หยุด ก่นบัดสี
ด้วยรู้แน่ หมาป่า ไม่ย่ำยี เพราะอยู่ที่ ปลอดภัย ไม่นำพา
เจ้าหมาป่า มองแพะ พลันเอื้อนเอ่ย เจ้าแพะเหวย ด่าเข้า เอาเถิดหนา
ตราบใดเจ้า หลบพ้น บนหลังคา ตีฝีปาก เก่งกล้า ตามสบายเอยฯ
๕.
คตินิทาน เรื่องนี้ ท่านสอนว่า
อันคนขลาด กล้าตี ฝีปากเก่ง
เพราะอยู่ที่ ปลอดภัย ไม่ยำเกรง
จึงอวดเบ่ง ทายท้า ไม่กลัวเอยฯ
๖.
คนขลาดฝีปากกล้า ถ้อยท้าคารมถ่อย พล่ามพล่อยเราะร้ายลิ้น รู้สิ้นตนปลอดภัย อวดเบ่งไยไพเย้ย วะเว้ยอยู่โวยวาย หมายย่ำหยันใครผู้ ถ้อยขู่รู้แกว่งท้า ฝีปากอวดเบ่งกล้า ขลาดแท้นิสัย ท่านเอยฯ
๗.
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
“คนขลาดจะเก่ง เฉพาะในที่ที่ตนปลอดภัย”
ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :
ระนาดเอก
บันทึกการเข้า
~รวมทุกสำนวนของ"สนอง เสาทอง"ครับ ~
สนอง เสาทอง
นักกลอนผู้อ่อนไหว
ออฟไลน์
กระทู้: 136
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
|
Re: ศตอีสปนิทานคำกรอง (โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
«
ตอบ
#17 เมื่อ:
04 กันยายน, 2556, 11:49:57 AM »
หน้าแรก
Re: ศตอีสปนิทานคำกรอง (โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
ศตอีสปนิทานคำกรอง
(โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
๑๘.
แร้งกับหมาป่า
๑.
หมาป่าเพียรแกร่วเฝ้า ทองคำ
มโนพร่ำอวยค่าล้ำ สิ่งแก้ว
แหนหวงอยู่เช้าค่ำ รั้นโง่
แร้งกระหยิ่มบ่แคล้ว อิ่มเนื้อหมาเขลาฯ
๒.
หมาป่าน่าขำ ทองคำเพียรเฝ้า
บ่ายค่ำคืนเช้า กิ่วไส้อดโซ
อาหารไม่กิน โหยลิ้นรั้นโง่
ผ่ายผอมหัวโต ชีพม้วยวางวายฯ
๓.
หมาป่าเฝ้าทองคำ ค่ามากล้ำด้วยหมารู้
ค่ำเช้าแกร่ววุ่นอยู่ เกรี้ยวเห่าขู่ใครกรายใกล้
อาหารยอมอดหิว ท้องไส้กิ่วไม่สนใจ
สุดท้ายชีพวางวาย ประโยชน์ไร้เขลานักยิ่งฯ
๔.
กาลครั้งหนึ่ง มีหมา เที่ยวจรจัด แสนอัตคัด อาหาร ข้าวปลาเนื้อ
ด้วยไม่มี เจ้าของ คอยจุนเจือ อนาถเหลือ ผ่ายผอม เทียวแรมรอน
มาวันหนึ่ง เจอกอง กระดูกมนุษย์ หมานั่งทรุด ดีใจ โห่เห่าหอน
ด้วยโชคดี พบศพ คนตายนอน เจ้าหมาจร คุ้ยซาก อยู่วุ่นวาย
ทันใดนั้น หมาเจอะ ทองคำแท่ง เปล่งวับแสง เข้าตา เจ้าใจหาย
ด้วยรู้ว่า ทองนั้น ค่ามากมาย มนุษย์ทั้งหลาย บูชา คุณค่าทอง
เจ้าหมาจร นอนเฝ้า ทองคำนั้น หลายคืนวัน แหนอยู่ ด้วยหวงของ
โง่รั้นหลง ทองคำ ค่าตนปอง ในที่สุด หมาต้อง อดโซตาย
ฝ่ายเจ้าแร้ง เฝ้าดู อยู่ไม่ห่าง เมื่อหมาตาย ปีกกาง ร่อนที่หมาย
จิกกินเนื้อ หมานั้น อิ่มสบาย แล้วยืดกาย รำพึง ถึงหมาจร
โอ้อนิจจา ชะตา เจ้าหมาโง่ ทนหิวโซ จนตาย เฝ้าทองก้อน
หวงในสิ่ง ไร้ค่า มิสังวร จึงเดือดร้อน ไส้กิ่ว อดตายเอยฯ
๕.
คตินิทาน เรื่องนี้ ท่านสอนว่า
อันคุณค่า สิ่งของ ต้องประสงค์
สมประโยชน์ กับใคร ในเจาะจง
กับบางใคร ฝุ่นผง ไร้ค่าเอยฯ
๖.
ทองคำธาตุควรแก้ว ล้วนแล้วมนุษย์ให้ค่า หมาป่ารั้นโง่เฝ้า ประโยชน์เจ้าหามี อัญมณีค่าล้ำ ย้ำมายามนุษย์สร้าง อ้างอิงราคาของ ปองยิ่งแย่งยุดยื้อ ตีค่ากำหนดซื้อ มนุษย์รู้ประโยชน์ควร ฉะนี้ฯ
๗.
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
“ของบางอย่างก็มีประโยชน์เฉพาะกับคนบางคน”
ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :
ระนาดเอก
บันทึกการเข้า
~รวมทุกสำนวนของ"สนอง เสาทอง"ครับ ~
สนอง เสาทอง
นักกลอนผู้อ่อนไหว
ออฟไลน์
กระทู้: 136
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
|
Re: ศตอีสปนิทานคำกรอง (โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
«
ตอบ
#18 เมื่อ:
04 กันยายน, 2556, 11:58:53 AM »
หน้าแรก
Re: ศตอีสปนิทานคำกรอง (โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
ศตอีสปนิทานคำกรอง
(โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
๑๙.
ความเศร้ากับความยินดี
๑.
อันสุขทุกข์หม่นเศร้า ระคน
โศกคู่ยินดีปน คละเคล้า
พึงชนอย่าแพ้กล พลั้งพ่าย อารมณ์นอ
สุขบ่สมทุกข์เหย้า ว่ายฟ้อนเวียนวนฯ
๒.
สุขทุกข์คู่กัน จาบัลย์ยินดี
ชนใดพ้นหนี ช่วยชี้ทางช่อง
พึงควรรู้เท่า ทุกข์เศร้าโศกหมอง
หรือสุขสมปอง เนื่องข้องสัมพันธ์ฯ
๓.
ธรรมดาในหล้าโลก ทุกข์คละโศกล้วนอยู่มี
สุขสันต์และยินดี ถ้วนฤดีล้วนต้องการ
สุขทุกข์มายายิ่ง ในสรรพสิ่งห้วงจักรวาล
ผันเวียนตามกฎกาล พึงรู้ทันธรรมดาโลกฯ
๔.
กาลครั้งหนึ่ง มีชาว ประมงบ้าน คร่ำเชิงชาญ หาปลา ออกเรือหมู่
ปลาทะเล น้อยใหญ่ ตามฤดู ลากอวนกู้ หากิน ชาวถิ่นเล
ในวันไหน ออกเร่ ระลอกคลื่น ปลาดกดื่น ยินดี ต่างร้องเห่
หากวันใด เงียบเหงา ปลาทะเล พาลโยเย เศร้าโศก อกทุกข์ตรม
มาวันหนึ่ง ลงอวน ไปสักพัก ตอนกู้ขึ้น หนักนัก ต่างสุขสม
คงได้ปลา มากมาย ชื่นอารมณ์ ปั้นหน้าเคร่ง กูก้ม อวนขึ้นเรือ
ครั้นกู้เสร็จ อวนแผ่ ตาแลจ้อง ต่างเศร้าหมอง เห็นปลา ปั้นหน้าเบื่อ
ด้วยอวนหนัก เพราะหิน ดินเลนเจือ ปลาร้างเรือ ท้อแท้ กำลังใจ
ท่านผู้เฒ่า ชาวเล เห็นเช่นนั้น เอ่ยปลอบขวัญ ลูกเรือ เตือนสติให้
เจ้าคร่ำครวญ เศร้าโศก กันอยู่ไย โชคเคราะห์ไซร้ ดีร้าย คู่กันเอยฯ
๕.
คตินิทาน เรื่องนี้ ท่านสอนว่า
อันสุขทุกข์ ชะตา เคราะห์กรรมนั้น
เคล้าระคน ปนเป อยู่คู่กัน
มีทั้งทุกข์ สุขสันต์ คู่กันเอยฯ
๖.
สุขทุกข์ยินดีโศก อยู่คู่โลกแต่บรรพ์ สุขผันพลันโศกเข้า เร้ารุมผลาญวิญญา ทุกข์เวทนาผายพ้น ล้นยินดีขยับแทน แก่นแกนสัจธรรม นำทุกสรรพสิ่งให้ ไหลเคลื่อนทุกข์สุขไซร้ คละเคล้าระคน ฉะนี้ฯ
๗.
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
“ความทุกข์และความสุขเป็นของคู่กัน”
ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :
ระนาดเอก
บันทึกการเข้า
~รวมทุกสำนวนของ"สนอง เสาทอง"ครับ ~
สนอง เสาทอง
นักกลอนผู้อ่อนไหว
ออฟไลน์
กระทู้: 136
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
|
Re: ศตอีสปนิทานคำกรอง (โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
«
ตอบ
#19 เมื่อ:
04 กันยายน, 2556, 12:22:56 PM »
หน้าแรก
Re: ศตอีสปนิทานคำกรอง (โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
ศตอีสปนิทานคำกรอง
(โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
๒๐.
อิฐกับครั่ง
๑.
อันอิฐเผาแกร่งก้อน ทานทน
ไฟเคร่งเผาร้อนข้น ผึ่งแห้ง
อันเนื้อครั่งไฟลน แหลกร่าง เหลวเฮย
อิฐครั่งเผยธาตุแจ้ง ต่างเนื้ออ่อนแข็งฯ
๒.
ธาตุเนื้ออ่อนแข็ง สำแดงชัดคู่
เหลวน้ำมีอยู่ แข็งไม้เช่นกัน
ต่างแก่นแผกธาตุ อากาศต่างชั้น
ดินลมไฟนั้น ย่อมต่างน้ำเหลวฯ
๓.
อิฐครั่งต่างเนื้อธาตุ แตกต่างญาติในอ่อนแข็ง
อิฐก้อนทานทนแกร่ง เผาไฟแรงผึ่งแดดไล้
ครั่งเนื้อนั้นเปราะอ่อน ถูกไฟร้อนเหลวหลอมไหม้
อิฐครั่งเนื้อนอกใน แก่นธาตุไซร้ล้วนต่างกันฯ
๔.
กาลครั้งหนึ่ง อิฐครั่ง สองเพื่อนสหาย ไม่เกี่ยงบ่าย โอภา ด้วยน้ำมิตร
มักพูดคุย ปรับทุกข์ อยู่เนืองนิตย์ ในต้องจริต รักใคร่ ผูกสัมพันธ์
ปัญหาหนึ่ง เพื่อนครั่ง มักเปรยเสมอ อิฐเพื่อนเกลอ ทนทาน มิแตกบั่น
ผิดครั่งข้า เจอแรง กระแทกพลัน เปราะเหลือนั่น แตกยับ ป่นผงไป
เรื่องแข็งทน ปัญหา ร่วมทุ่มเถียง ยากหลีกเลี่ยง ถกกัน หัวข้อใหญ่
ด้วยครั่งเจ้า เพียรถาม ให้รู้นัย อยากแข็งเนื้อ นอกใน คล้ายอิฐเกลอ
มาวันหนึ่ง เจ้าครั่ง ก็แจ้งจิต บอกเพื่อนอิฐ เธอแข็ง สม่ำเสมอ
ด้วยเผาไฟ ตากแดด ผึ่งแห้งเออ ฉะนี้เธอ จึงแกร่ง ทั่วแผ่นทน
จึงครั่งนั้น เดินไป ที่เตาเผา มิสนใจ รากเหง้า ในเหตุผล
กระโดดเข้า เตาเผา ไฟเปลวลน ในบัดดล เนื้อตน ละลายเอยฯ
๕.
คตินิทาน เรื่องนี้ ท่านสอนว่า
ในบางสิ่ง คุณค่า ประโยชน์แสน
เฉพาะบางใคร เจาะจง ใช่ทั้งแดน
หากใครแม้น ฝืนใช้ วอดวายเอยฯ
๖.
อันประโยชน์ใดสิ่ง ยิ่งค่าล้นมากใด เฉพาะใครซึ่งควรคู่ สิ่งอยู่กับท่านนั้น พึงอย่ารั้นหมายได้ อาจไร้ประโยชน์แท้ แม้ได้มาครอบครอง หมองทุกข์แต่คับข้อง ประโยชน์บ่สอดคล้อง ท่านใช้อาจวาย แท้เอยฯ
๗.
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
“บางสิ่งเป็นประโยชน์กับผู้อื่น แต่อาจเป็นอันตรายกับเรา”
ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :
ระนาดเอก
บันทึกการเข้า
~รวมทุกสำนวนของ"สนอง เสาทอง"ครับ ~
สนอง เสาทอง
นักกลอนผู้อ่อนไหว
ออฟไลน์
กระทู้: 136
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
|
Re: ศตอีสปนิทานคำกรอง (โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
«
ตอบ
#20 เมื่อ:
06 กันยายน, 2556, 03:42:17 PM »
หน้าแรก
Re: ศตอีสปนิทานคำกรอง (โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
ศตอีสปนิทานคำกรอง
(โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
๒๑.
ฝูงแกะกับหมาเลี้ยงแกะ
๑.
อันงานหน้าที่นั้น สำคัญ
ควรเร่งตั้งมโนมั่น ถั่งสู้
ตรำเคร่งอย่าเบือนผัน ทิ้งเลี่ยง
ผิท่านหลบเกี่ยงอู้ ห่อนรู้เสร็จไฉนฯ
๒.
การงานหน้าที่ บ่งชี้ค่าชน
บันดาลบันดล โภชผลดอกงาน
ดอกเหงื่อหลั่งอาบ กำซาบซึ้งซ่าน
ดอกแรงแบ่งบาน ไม่นานเผยผลฯ
๓.
อาชีพงานหน้าที่ ชนศักดิ์ศรีงามคุณค่า
อย่าหน่ายและเบื่อล้า ทุ่มกายาเต็มแรงพลี
ค่าชนอยู่ที่งาน ดลบันดาลสร้างชีวี
ชนใดงานเลี่ยงลี้ ย่อมเสื่อมศรีคุณค่าควรฯ
๔.
กาลครั้งหนึ่ง ฝูงแกะ กับหมาเฝ้า ทุกค่ำเช้า หมาต้อน ตะล่อมเลี้ยง
จากคอกขัง ระวัง เจ้ามองเมียง แกะกินหญ้า ไม่เกี่ยง เคร่งตรวจตรา
ด้วยศัตรู ฝูงแกะ มีมากยิ่ง ทั้งหมาใน จิ้งจอก เสือนักล่า
อีกงูเงี้ยว สัตว์ร้าย มากเหลือคณา ตลอดเวลา หมาเฝ้า เช้าจรดเย็น
แกะหนึ่งคิด น้อยเนื้อ ต่ำใจนัก ในประจักษ์ หมาเฝ้า เห่าขู่เต้น
ตะล่อมต้อน พวกเรา คล้ายจองเวร มองไม่เห็น คุณค่า หมาเลี้ยงแกะ
ตัวแกะนั้น คิดเพียง ตนประโยชน์ ปวงโภชผล ขนนม เนื้อชำแหละ
หมายามนั้น วิ่งวน แต่ข้องแวะ ไล่ต้อนแกะ น่าเบื่อ เหลือรำคาญ
ซ้ำชาวนา ลำเอียง อคติเหลือ แสนน่าเบื่อ ให้กิน หญ้าหยาบกร้าน
เทียบหมายาม เลี้ยงหรู เลิศพิสดาร ตักใส่จาน ข้าวเนื้อ อาหารดี
คำแกะบ่น ลือลาม ไปทั่วฝูง และชักจูง เพื่อแกะ ให้เลี่ยงลี้
กิจการใด ชาวนา ล้วนมากมี ทุกหน้าที่ งดพลัน เถอะพวกเรา
หมาเลี้ยงแกะ ได้ยิน ข่าวลือนั้น จึงเอ่ยเอื้อน อย่ารั้น เลยพวกเจ้า
งานหน้าที่ ข้านั้น ไม่บันเบา ตั้งแต่เช้า เที่ยงบ่าย ไปอัสดง
ต้องระแวด ภัยร้าย สุนัขป่า สัตว์นักล่า เนื้อเจ้า จ้องประสงค์
อีกคอยต้อน ให้เดิน เลี่ยงชัฏดง รวมเข้าฝูง อยู่คง ไม่หลงทาง
ครั้นฝูงแกะ ได้ฟัง คำหมาเฝ้า รู้รูปเค้า หน้าที่ สิ้นทุกอย่าง
จึงเลิกคิด น้อยเนื้อ ปล่อยใจวาง ไม่อางขนาง หน้าที่ หมาเลี้ยงเอยฯ
๕.
คตินิทาน เรื่องนี้ ท่านสอนว่า
งานหน้าที่ ของตน ต้องมุ่งมั่น
อย่าคอยแต่ จับผิด นินทากัน
งานต่างทำ สุขสันต์ ทุกวันเอยฯ
๖.
งานหน้าที่สำคัญ เพียรขยันอย่าเกี่ยงอู้ ผู้ใดเลี่ยงเกียจคร้าน คิดต้านแต่หลีกหลบ ใครไม่คบรังเกียจ เบียดแรงใครทุกครา คอยนินทาจับผิด เบือนบิดร้อยหมื่นอ้าง ผองเพื่อนต่างหลีกร้าง หวั่นร้ายกรายถึง ฉะนี้ฯ
๗.
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
“ทุกคนก็มีหน้าที่ จงทำหน้าที่ของตนเอง ดีกว่าเอาแต่คอยจับผิดผู้อื่น”
ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :
ระนาดเอก
บันทึกการเข้า
~รวมทุกสำนวนของ"สนอง เสาทอง"ครับ ~
สนอง เสาทอง
นักกลอนผู้อ่อนไหว
ออฟไลน์
กระทู้: 136
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
|
Re: ศตอีสปนิทานคำกรอง (โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
«
ตอบ
#21 เมื่อ:
06 กันยายน, 2556, 03:53:41 PM »
หน้าแรก
Re: ศตอีสปนิทานคำกรอง (โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
ศตอีสปนิทานคำกรอง
(โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
๒๒.
นกกระเรียนกับหมาจิ้งจอก
๑.
อันน้ำจิตถั่งล้น รื่นหทัย
รินฉ่ำชื่นหลั่งไหล ไป่สิ้น
น้ำมิตรห่อนเสื่อมไร้ ยั้งอยู่
ผิเนื่องนิจปล้อนปลิ้น เพื่อนพ้องลี้ไกลฯ
๒.
น้ำจิตน้ำใจ หลั่งสายถั่งล้น
มอบมวลหมู่ชน ใสจิตมิตรแท้
น้ำใจเร่งสร้าง อย่าอ้างข้อแม้
มุ่งรินให้แต่ หวังผลตอบตนฯ
๓.
มิตรภาพอันใสจริต มอบมวลมิตรอย่ารู้หน่าย
ถั่งล้นงามรวงสาย ดับกระหายผู้ได้รับ
น้ำมิตรควรรักษา หอมคุณค่าคณานับ
น้ำใจพร่างวามวับ ย้อนคืนกลับผู้ให้เสมอฯ
๔.
กาลครั้งหนึ่ง ป่าใหญ่ มากสรรพสัตว์ ต่างถือสัตย์ ปรองดอง พึ่งอาศัย
แต่ใช่ว่า ทั้งหมด จะจริงใจ มีมากมาย หน้าไหว้ หลังหลอกจริต
ในป่านั้น กระเรียน และจิ้งจอก แม้เพื่อนกัน กลับกลอก อยู่เนืองนิตย์
อันน้ำใจ ใสจริง ล้วนเบือนบิด ต่างตนคิด คดฉ้อ เพทุบาย
มาวันหนึ่ง จิ้งจอก เชิญกระเรียน ไปเยี่ยมเยียน บ้านตน หลังคล้อยบ่าย
เลี้ยงอาหาร เต็มอิ่ม กินให้สบาย กระเรียนสหาย รับเชิญ ด้วยยินดี
ครั้นถึงบ้าน งานเลี้ยง จิ้งจอกจัด ให้เคืองขัด กระเรียน มากเหลือที่
จานอาหาร แบนแบ แสร้งย่ำยี แสร้งไขสือ ชวนชี้ ร่วมวงกิน
อันกระเรียน ปากคอ นั้นยาวแสน กินจานแบน ไม่ได้ ใครรู้สิ้น
เจ้าจิ้งจอก เล่ห์ร้าย ล้วนคุ้นยิน จึงมิถวิล กินแทน จนหมดจาน
แล้ววันหนึ่ง กระเรียน เอาคืนบ้าง ชวนจิ้งจอก ย้อนทาง กินเลี้ยงบ้าน
จิ้งจอกเจ้า ครุ่นคิด อยู่ไม่นาน ตกปากขาน รับคำ ไม่ร่ำไร
ครั้นจิ้งจอก ถึงบ้าน กระเรียนจัด ให้เคืองขัด ภาชนะ อาหารใส่
ด้วยขวดคอ ยาวยื่น แคบเล็กไป กระเรียนไซร้ ได้ที กินแทนเอยฯ
๕.
คตินิทาน เรื่องนี้ ท่านสอนว่า
ทำสิ่งใด มิช้า ได้สิ่งนั้น
ทำใครอื่น อย่างไร เขาแก้พลัน
ย้อนเกล็ดย้อน เช่นกัน ตอบท่านเอยฯ
๖.
สุจริตชนพึงคิด เนื่องนิตย์ปฏิบัติ รู้ชัดสิ่งใดควร อย่าบ่ายผวนเบือนบิด คิดปองแต่ประโยชน์ เช่นโฉดชนเอาเปรียบ ย่ำเหยียบหยันหมิ่นมิตร ฉลจิตอยู่ค่ำเช้า ปองแต่ประโยชน์เจ้า เพื่อนรู้ยอมไฉน ท่านเอยฯ
๗.
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
“เราปฏิบัติต่อคนอื่นอย่างไร เขาก็ทำกับเราเช่นนั้น”
ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :
ระนาดเอก
บันทึกการเข้า
~รวมทุกสำนวนของ"สนอง เสาทอง"ครับ ~
สนอง เสาทอง
นักกลอนผู้อ่อนไหว
ออฟไลน์
กระทู้: 136
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
|
Re: ศตอีสปนิทานคำกรอง (โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
«
ตอบ
#22 เมื่อ:
06 กันยายน, 2556, 04:01:32 PM »
หน้าแรก
Re: ศตอีสปนิทานคำกรอง (โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
ศตอีสปนิทานคำกรอง
(โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
๒๓.
ความจนปัญญาของโลมา
๑.
อันสิงโตใหญ่ค้ำ พงพนา
ปองคู่เจ้าโลมา ฉลาดล้ำ
สองสหายต่างมรคา คล้องคู่ เพื่อนนา
หนึ่งอยู่ป่าอีกน้ำ ช่วยค้ำประโยชน์ไฉนฯ
๒.
สิงโตโลมา คบค้าฉันมิตร
กฎเกณฑ์ฝืนผิด คบไปไร้ค่า
สิงโตอยู่ดง น้ำพงศ์โลมา
หากเกิดปัญหา ห่อนได้กูลเกื้อฯ
๓.
สิงโตปกครองไพร คบเพื่อนในเจ้าโลมา
ไร้แท้ประโยชน์ค่า เจ้าคบค้ามิตรสนิท
หากใครประสบร้อน ไม่ช่วยผ่อนเลยสักนิด
น้ำป่าต่างทางทิศ ไม่เกื้อชิดประโยชน์ใครฯ
๔.
กาลครั้งหนึ่ง สิงโต เจ้าแห่งป่า เขี้ยวเล็บคม สง่าศรี กล้าห้าวหาญ
ส่วนโลมา ถือดี ปัญญาชาญ ทั่วชลธาร ปลาปู ต่างรู้จัก
มาวันหนึ่ง โลมา อาบแดดเล่น สิงโตเห็น จึงปรี่ เข้าทายทัก
โลมาจ๋า สองเรา สมานสมัคร ผูกสัมพันธ์ เพื่อนรัก ร่วมน้ำมิตร
ด้วยข้านั้น เป็นใหญ่ เหนือไพรถิ่น ชเลสินธุ์ เจ้าเลิศ เรืองไกรวิทย์
เถิดสองเรา คบหา อย่าเบือนบิด ชั้นสหายสนิท ประโยชน์ นั้นมากมี
ฝ่ายโลมา ฟังความ เห็นตามถ้อย จึงเออออ เห็นคล้อย ไปตามที่
คำสิงโต เอื้อนเอ่ย เผยวจี ต่างยินดี ผูกเกลอ ร่วมสาบาน
ครั้นจำเนียร เนิ่นผ่าน ไม่นานนัก เจ้าสิงโต เพื่อนรัก บุกถึงย่าน
คุ้งสาคร โลมา เริงสำราญ ร้องไหว้วาน เกลอเอ๋ย ท่านฟังคำ
ด้วยวัวเถื่อน เกเร พาลนิสัย ก่อเภทภัย กำแหง ล่วงรุกล้ำ
อาณาเขต ถิ่นข้า อยู่ประจำ ถึงห้ำหั่น ประลอง แกร่งกำลัง
สู้กันอยู่ หลายครา ไม่รู้ผล ข้าจึงด้น มาหา ด้วยความหวัง
แม้ได้เจ้า อีกแรง อาจพอยัง ล้มวัวป่า ฤทธิ์คลั่ง ถึงม้วยวาย
โลมาฟัง เกลอแก้ว สิงโตป่า พลางส่ายหน้า ตอบคำ สิงห์สหาย
อันข้าท่าน สาบาน ฉันเพื่อนตาย เพื่อนได้ทุกข์ ต่างหมาย ช่วยเหลือกัน
แต่ครั้งนี้ ฟังเหตุ อาเพศร้าย ข้าลำบาก ย้ายย่าง รกไพรสัณฑ์
อันโลมา อาศัย ห้วงชลธาร มิอาจหนุน เกื้อท่าน สู้วัวเอยฯ
๕.
คตินิทาน เรื่องนี้ ท่านสอนว่า
สิงห์อยู่ป่า โลมา อาศัยน้ำ
ท่านฝืนกฎ ธรรมชาติ ต้องระกำ
หนึ่งอยู่น้ำ อีกป่า น่าขันเอยฯ
๖.
ธรรมชาติรังสรรค์สร้าง อิงอ้างกำหนดเกณฑ์ จัดเจนแผกต่างสิ่ง หยิ่งสิงห์อยู่เถื่อนถ้ำ น้ำนั้นของโลมา สองปรารถนาคบมิตร ผิดฝืนธรรมชาติกฎ กำหนดชัดป่าน้ำ สิงห์โลมาต่างล้ำ ช่วยเกื้อประโยชน์ไฉน เพื่อนเอยฯ
๗.
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
“เราไม่สามารถฝืนธรรมชาติของเราได้”
ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :
ระนาดเอก
บันทึกการเข้า
~รวมทุกสำนวนของ"สนอง เสาทอง"ครับ ~
สนอง เสาทอง
นักกลอนผู้อ่อนไหว
ออฟไลน์
กระทู้: 136
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
|
Re: ศตอีสปนิทานคำกรอง (โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
«
ตอบ
#23 เมื่อ:
06 กันยายน, 2556, 04:10:20 PM »
หน้าแรก
Re: ศตอีสปนิทานคำกรอง (โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
ศตอีสปนิทานคำกรอง
(โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
๒๔.
นกยูงผู้จองหอง
๑.
มยุระหยิ่งเชื้อ ทรนง
ฟ้อนร่ายรำแพนองค์ อวดฟ้า
ผยองศักดิ์ค่ายูงพงศ์ ยศยิ่ง ท่านเฮย
เย้ยหมิ่นสกุณอื่นหญ้า ต่ำต้อยธุลีดินฯ
๒.
ยูงหยิ่งเชื้อพงศ์ อวดองค์รำแพน
หมิ่นนกหมื่นแสน ต่ำเชื้อเผ่าดิน
เริงฟ้อนรำร่าย ปีกว่ายโสภิณ
อวดโอ่อาจินต์ เผ่าเชื้อนกฟ้าฯ
๓.
นกยูงสำอางองค์ หยิ่งทะนงเผ่าเชื้อฟ้า
รำแพนวาดลีลา เย้ยปักษาเพื่อนสกุณ
หมิ่นหยามนกอื่นสิ้น ค่าต่ำดินแพรกสกุล
ถือตนไม่ชิดคุ้น อยู่หมกมุ่นหลงรูปตนฯ
๔.
กาลครั้งหนึ่ง นกยูง ผู้จองหอง ลำพองตน หยิ่งผยอง ชั้นหงส์ศักดิ์
เหยียดเพื่อนสกุณ ร่วมพงศ์ ต้อยต่ำนัก ค่ำเช้ามัก กรีดกราย ร่ายรำแพน
มาวันหนึ่ง นกยูง ผู้เลอสง่า วาดท่วงท่า ปั้นจริต งามเหลือแสน
เหนือลานดิน โดดเด่น กลางดงแดน ฟ้อนรำแพน เริงร่าย อวดเพื่อนพงศ์
ในครานั้น งูใหญ่ พันไม้กิ่ง อยู่ไม่ไกล แอบนิ่ง ใจประสงค์
เนื้อนกยูง มื้อนี้ เจ้าเจาะจง ค่อยเลื้อยลง คืบใกล้ มยุรา
ไม่ไกลนั้น กระจิบ ตัวกระจ้อย เห็นงูใหญ่ จ้องคอย คิดหมายฆ่า
จึงส่งเสียง เตือนไพร อยู่โกกา นกยูงเฉย หมิ่นว่า อิจฉาตน
กระจิบน้อย วุ่นวาย เตือนหลายครั้ง นกยูงยัง รำแพน อวดปีกขน
กระจิบเจ้า เร้าเสียง อยู่ลานลน แต่ไร้ผล งูฉก ยูงตายเอยฯ
๕.
คตินิทาน เรื่องนี้ ท่านสอนว่า
มยุรา หยิ่งผยอง ลำพองศักดิ์
เฉกเช่นคน ทะนงตน อนาถนัก
สุดท้ายมัก สิ้นศักดิ์ หายนะเอยฯ
๖.
มยุราหยิ่งศักดิ์ ทะนงนักเชื้อฟ้า รำแพนท้าอวดผยอง จองหองเทียวหยามหมิ่น ทั่วถิ่นพงศ์ปักษา เจรจาหยันถ้อย ต่ำต้อยกว่าศักดิ์เจ้า อื่นนกเร้าเร่งร้อง เตือนเหตุงูนิ่งจ้อง ฉกเจ้าฟังไฉน ท่านเอยฯ
๗.
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
“ความหยิ่งผยองเป็นเหตุแห่งความหายนะ”
ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :
ระนาดเอก
,
ศิลาสีรุ้ง
บันทึกการเข้า
~รวมทุกสำนวนของ"สนอง เสาทอง"ครับ ~
สนอง เสาทอง
นักกลอนผู้อ่อนไหว
ออฟไลน์
กระทู้: 136
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
|
Re: ศตอีสปนิทานคำกรอง (โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
«
ตอบ
#24 เมื่อ:
06 กันยายน, 2556, 04:16:00 PM »
หน้าแรก
Re: ศตอีสปนิทานคำกรอง (โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
ศตอีสปนิทานคำกรอง
(โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
๒๕.
ไม่เหมือนกัน
๑.
อันต่างชนต่างล้วน ต่างกัน
แผกต่างฝีมือชั้น ต่างผู้
ต่างถนัดต่างขีดขั้น สามารถต่าง
จึงต่างฉลาดต่างรู้ ต่างฟ้าต่างฝันฯ
๒.
ต่างผู้เผ่าชน หลากล้นมากคิด
ต่างใจต่างจิต วุ่นวายสับสน
บังคับอื่นผู้ คิดอยู่เช่นตน
มืดแท้ลำบน ต่างคนจิตใจฯ
๓.
นรชาติล้วนแตกต่าง แผกทิศทางตั้งเข็มมุ่ง
ต่างใครคิดแต่งปรุง มากเหยิงยุ่งยุงตีกัน
ประชาธิปไตย เคารพในสิทธิ์ชนชั้น
คิดต่างใช่กางกั้น แบ่งคอกคั่นเขาเราใครฯ
๔.
กาลครั้งหนึ่ง สรรพสัตว์ ร่วมชัฏรก ทั้งสัตว์บก เลื้อยคลาน แมลงปักษิน
ร่วมเขตคาม พนาไพร หลายชีวิน ร่วมประชุม ทั้งสิ้น พร้อมเพรียงกัน
ข้อปรึกษา หารือ เต็มวาระ เพื่อที่จะ อยู่ร่วม สมานฉันท์
ปกป้องภัย ถิ่นตน จากผองภยันต์ ทุ่มเถียงเครียด เสียงลั่น อภิปราย
ฝ่ายลิงจ๋อ จอมกวน เห็นเช่นนั้น จึงคิดมุข ขบขัน กำนัลสหาย
ให้ครึกครื้น สลับฉาก พอเครียดคลาย ด้วยยักย้าย ส่ายเต้น ระบำโชว์
เหล่าสรรพสัตว์ น้อยใหญ่ ต่างชื่นชอบ ลีลาลิง ฮิปฮอป ร้องฮาโห่
ฝ่ายเจ้าอูฐ อิจฉา จ้องตาโต หมั่นไส้โจ๋ แดนเซอร์ ลิงจ๋อสไตล์
คิดดังนั้น จึงขยับ เอาอย่างบ้าง วาดลีลา ท่าทาง ช้าอุ้ยอ้าย
ด้วยตัวใหญ่ ไม่พลิ้ว ดูน่าอาย สัตว์ทั้งหลาย โห่ไล่ ให้หยุดเอยฯ
๕.
คตินิทาน เรื่องนี้ ท่านสอนว่า
ในต่างคน นั่นหนา ถนัดเชิงชั้น
แล้วแต่ใคร เฉพาะตน ไม่เหมือนกัน
อย่าฝืนตัว ตามท่าน เช่นอูฐเอยฯ
๗.
พรสวรรค์และพรแสวง อย่าตะแบงอวดถนัด เจนจัดคนละอย่าง ต่างกันถ้วนใครผู้ พึงรู้อันตนเป็น เห็นอันตนสามารถ อาจทำดีสิ่งนั้น รั้นอวดฝืนเก่งแล้ อันสิ่งมิถนัดแท้ เพลี่ยงแพ้เสียผล เสมอนาฯ
๗.
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
“แต่ละคนมีความถนัดไม่เหมือนกัน การที่ฝืนทำในสิ่งที่ตนไม่ถนัดอาจเกิดผลเสียมากกว่าผลดี”
ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :
ระนาดเอก
,
ศิลาสีรุ้ง
บันทึกการเข้า
~รวมทุกสำนวนของ"สนอง เสาทอง"ครับ ~
สนอง เสาทอง
นักกลอนผู้อ่อนไหว
ออฟไลน์
กระทู้: 136
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
|
Re: ศตอีสปนิทานคำกรอง (โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
«
ตอบ
#25 เมื่อ:
06 กันยายน, 2556, 04:23:36 PM »
หน้าแรก
Re: ศตอีสปนิทานคำกรอง (โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
ศตอีสปนิทานคำกรอง
(โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
๒๖.
ลากับหมา
๑.
อันน้ำใจกลั่นแท้ มโนจิต
อาบรื่นฉ่ำมวลมิตร ปรี่ท้น
หมั่นเติมอยู่เนืองนิตย์ นับเนื่อง ท่านนา
ให้บ่าแบ่งถั่งล้น แน่นแฟ้นมิตรภาพฯ
๒.
น้ำใจใสจิต มอบมิตรดื่มอาบ
ซึ้งซ่านกำซาบ หอมรื่นไม่วาย
คิดดีทำดี ย้ำมีมอบให้
เพื่อนแท้เพื่อนตาย จริงใจน้ำมิตรฯ
๓.
น้ำใจอันใสจริต มอบมวลมิตรอย่ารู้หน่าย
ใจจริงมอบให้ใคร ท่านล้วนให้ตอบแทนคืน
มิตรจิตในมิตรแท้ ซ่านดวงแดสุขสมชื่น
มิตรภาพบานดกดื่น มั่นแฟ้นยืนแม้ชีพวายฯ
๔.
กาลครั้งหนึ่ง ชาวนา และลาหมา จากเคหา ร่วมทาง ไปต่างถิ่น
เช่นดั่งเคย ทำมา อยู่อาจิณ บ่ายหน้าผิน คลาไคล เถื่อนมรคา
ครั้นล่วงสาย แดดกล้า ล้าเหนื่อยนัก ชาวนาพัก ร่มไม้ พุ่มใบหนา
ทิ้งสองเกลอ เฝ้าโยง ทั้งหมาลา แล้วม่อยหลับ นิทรา ผ่อนพักกาย
เจ้าลานั้น กินหญ้า เป็นอาหาร จึงเลาะเล็ม สำราญ จนคล้อยบ่าย
แต่เกลอหมา หิวข้าว มืดตาลาย จึงร้องวอน ลาสหาย ช่วยข้าที
ด้วยอาหาร ขนมปัง บนหลังเจ้า วานเพื่อนเรา เอาลง มาตรงนี้
ให้ข้ากิน แก้หิว อย่ารอรี ลานิ่งเฉย บุ้ยชี้ ที่ชาวนา
รอเจ้านาย ตื่นก่อน อย่าร้อนเร่ง ใช่ข่มเหง อดทน หน่อยเพื่อนหมา
ไม่นานหรอก เดี๋ยวนาย ตื่นขึ้นมา เขาจัดแจง ข้าวปลา ให้เจ้ากิน
เจ้าหมาฟัง นึกเคือง แต่ข่มนิ่ง ไม่ท้วงติง ด้วยรู้ ลาใจหิน
เห็นแก่ตัว นิสัย หมาชาชิน จึงหมอบนิ่ง สิ้นท่า กิ่วไส้ทน
ในขณะนั้น หมาป่า หิวโซจัด เดินหลงพลัด มาใกล้ ตำแหน่งหน
อันหมาลา ชาวนา แหล่งตำบล จุดพักพล หลบร้อน ร่มไม้ลาน
หมาป่าโซ เห็นลา น้ำลายไหล ด้วยหิวจัด เจ้าหมาย เนื้ออาหาร
ย่างสามขุม หมายขย้ำ กำลังพาล ลางุ่นง่าน หวาดกลัว ตัวสั่นเทา
จึงลานั้น ร้องวอน เพื่อนเกลอหมา โปรดช่วยข้า พ้นภัย เถิดนะเจ้า
ไล่หมาป่า ออกไป ไกลตัวเรา หมาได้ที นิ่งเนา ไม่นำพา
แล้วร้องบอก เกลอลา รอก่อนสหาย เดี๋ยวเจ้านาย ตื่นมา ไม่นานช้า
ให้นายไล่ หมาป่า ไปไกลตา อดทนหน่อย เถิดหนา ข้าขอนอน
ในสุดท้าย ลานั้น ก็ถูกขย้ำ ล้มคะมำ จมเขี้ยว หมาป่าต้อน
เพื่อนเกลอหมา ดูดาย ไม่อนาทร ปล่อยให้ลา ม้วยมรณ์ ต่อหน้าเอยฯ
๕.
คตินิทาน เรื่องนี้ ท่านสอนว่า
ถ้าไม่มี น้ำใจ ให้ใครก่อน
ก็อย่าหวัง น้ำจิต เอื้ออาทร
ได้คืนย้อน จากเขา ให้เราเอยฯ
๖.
หากหวังใครน้ำจิต ใสจริตข้องสัมพันธ์ แบ่งปันร่วมเราเขา เอาใจเรายื่นก่อน เขาผ่อนกลับคืนพลัน ผูกพันแน่นแฟ้นสนิท น้ำมิตรอันใสแท้ แม้ชีพม้วยดับดิ้น มิตรภาพห่อนสิ้น อยู่ยั้งอสงไขย เพื่อนเอยฯ
๗.
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
“หากไม่มีน้ำใจกับผู้อื่น ก็เลิกหวังให้เขามามีน้ำใจกับเรา”
ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :
ระนาดเอก
,
ศิลาสีรุ้ง
บันทึกการเข้า
~รวมทุกสำนวนของ"สนอง เสาทอง"ครับ ~
สนอง เสาทอง
นักกลอนผู้อ่อนไหว
ออฟไลน์
กระทู้: 136
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
|
Re: ศตอีสปนิทานคำกรอง (โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
«
ตอบ
#26 เมื่อ:
06 กันยายน, 2556, 04:33:06 PM »
หน้าแรก
Re: ศตอีสปนิทานคำกรอง (โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
ศตอีสปนิทานคำกรอง
(โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
๒๗.
นกน้อยขาดทุน
๑.
กระจอกตัวกะจ้อย แพรกสกุณ
จิกแต่เมล็ดพืชคุ้น อิ่มน้อย
อำนาจบ่ใหญ่หนุน ชั้นเหยี่ยว เทียบนา
เตี้ยต่ำเชื้อเผ่าด้อย ชอกช้ำฤดีเสมอฯ
๒.
ชนผู้ต่ำต้อย คำถ้อยหรือดัง
มองหน้าเหลียวหลัง เดียวดายโดดเดี่ยว
ท่านจ้องเหยียบย่ำ เช้าค่ำห่อเหี่ยว
ไร้หนทางเทียว ชอกช้ำหม่นทุกข์ฯ
๓.
กระจอกแพรกสกุณ เคยชินคุ้นใครรังแก
วาสนาต่ำต้อยแท้ มีแต่แพ้อยู่เพรื่อพร่ำ
มวลหมู่สกุณี มากมายมีคอยเหยียบซ้ำ
หากินลำบากล้ำ สุดชอกช้ำระกำใจฯ
๔.
กาลครั้งหนึ่ง กระจอก ตัวกะจ้อย เพลินเหลิงลอย ถลาลม เหนือเวหา
เทียวจิกกิน เมล็ดธัญญ์ เลี้ยงชีวา สร้างรังน้อย อยู่มา พอสุขตน
มาวันหนึ่ง บินไถล ไกลรังถิ่น ด้วยฝืดเคือง ของกิน จึงดั้นด้น
เจ้าเพลินใจ ร้องเพลง ไม่กังวล ในเถื่อนหน อันตน ไม่คุ้นเคย
ทันใดเห็น เมล็ดพืช ตกอยู่พื้น เจ้าเริงรื่น ดิ่งลง ไม่ช้าเฉย
เพื่อจิกกิน อิ่มมื้อ แสนเสบย ตาข่ายเสย ติดกับ อนิจจา
กระพือปีก ดิ้นรน สุดกำลัง ตาข่ายพัน สิ้นหวัง รัดแน่นหนา
นกน้อยเศร้า คร่ำครวญ ทัณฑ์ชะตา แหงนมองฟ้า ปลงตก พลางรำพัน
โอ้อกเรา แพรกสกุณ ขาดทุนเสมอ เทียบเหยี่ยวเกร่อ ผลาญคร่า ชีวิตมหันต์
ส่ำสัตว์ไพร หนูนก ฆ่าอนันต์ กลับรอดตัว รอดทัณฑ์ ไม่บรรลัย
กับตัวเรา กระจอก ช่างงอกง่อย ศักดิ์ต่ำต้อย กินเมล็ด พืชน้อยใหญ่
กลับถูกทัณฑ์ ถึงตาย ช่างกระไร แสนน้อยใจ วาสนา ชะตาเอยฯ
๕.
คตินิทาน เรื่องนี้ ท่านสอนว่า
บุญอำนาจ วาสนา แข่งไม่ได้
ผู้ด้อยกว่า เสียเปรียบ อยู่ร่ำไป
เช่นกระจอก เหยี่ยวใหญ่ เรื่องนี้เอยฯ
๖.
แข่งบุญแข่งวาสนา ยากจริงหนาท่านสอน เว้าวอนบวงสรวงไหว้ ยากได้ผลสำเร็จ ทั่วเจ็ดถิ่นย่านน้ำ ตอกย้ำวาสนา บุญนำพาเช่นนั้น ชั้นแต่เลี้ยงชีพแล้ ลำบากเข็ญทุกข์แท้ ค่ำเช้าดิ้นรน ฉะนี้ฯ
๗.
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
“คนที่มีอำนาจน้อย ย่อมขาดทุนและตกเป็นเหยื่ออยู่เสมอ”
ขอบพระคุณ ที่กรุณาเยี่ยมชมนะจ๊ะ :
ระนาดเอก
,
ศิลาสีรุ้ง
บันทึกการเข้า
~รวมทุกสำนวนของ"สนอง เสาทอง"ครับ ~
สนอง เสาทอง
นักกลอนผู้อ่อนไหว
ออฟไลน์
กระทู้: 136
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
|
Re: ศตอีสปนิทานคำกรอง (โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
«
ตอบ
#27 เมื่อ:
07 กันยายน, 2556, 11:11:27 PM »
หน้าแรก
Re: ศตอีสปนิทานคำกรอง (โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
ศตอีสปนิทานคำกรอง
(โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
๒๘.
เท้ากับท้อง
๑.
ทุกอวัยวะต่างล้วน สัมพันธ์
มิยิ่งใดสำคัญ กว่าสิ้น
เกื้อกูลอย่างเอื้อฉัน หน้าที่ กันเฮย
อย่าหมิ่นเย้ยเล่ห์ลิ้น ข่มอ้างอวดผยองฯ
๒.
ถ้วนทั่วทุกสิ่ง ต่างอิงสัมพันธ์
เกื้อกูลเอื้อกัน แบ่งฉันหน้าที่
ท้องขาข่มอ้าง เข้าข้างตนชี้
สำคัญมากมี ล้ำเธอเหนือท่านฯ
๓.
อวัยวะทุกถ้วนนั้น ล้วนสัมพันธ์เกื้อกูลคล้อง
หน้าที่สำคัญข้อง ต่างช่ำชองแผกต่างไป
ท้องขาทุ่มเถียงอ้าง เอนเอียงข้างข่มข้าใหญ่
เรื่องจริงนั้นแท้ไซร้ อวัยวะใดล้วนเท่าเทียมฯ
๔.
กาลครั้งหนึ่ง เรื่องเล่า เท้ากับท้อง ไม่ปรองดอง อวดตน ข่มท่านนัก
ด้วยถือตน เหนือกว่า ใหญ่โตศักดิ์ ทั้งสองมัก ทุ่มเถียง อยู่อาจิณ
ด้วยเท้าท้อง อวัยวะ ของชายผู้ ใครไม่สู้ กินเก่ง อยู่นิจสิน
ทั้งเดินทาง ก็เก่ง ไม่ต่างกิน ทั้งเท้าท้อง เถียงหมิ่น ใครสำคัญ
มาวันหนึ่ง ชายนั้น นอนหลับอยู่ เจ้าทั้งคู่ เปิดศึก ทุ่มเถียงลั่น
หามีใคร ยอมลง ให้แก่กัน ต่างยืนยัน เหตุผล อ้างอวดตน
ฝ่ายเจ้าเท้า อวดอ้าง ข้ายิ่งใหญ่ ท่านเดินทาง ใกล้ไกล ทั่วทิศหน
ด้วยสองเท้า แข็งแรง ไม่ลำบน ประโยชน์จึง มากล้น เหนืออื่นใคร
ข้าแข็งแรง ประโยชน์ มหาศาล แบกตัวท่าน อวัยวะ ทุกส่วนได้
หากขาดข้า ตัวท่าน อยู่เช่นไร คงไปไหน ไม่ได้ ใช่ข่มความ
ฝ่ายเจ้าท้อง เถียงบ้าง อ้างเหตุผล สหายเท้าเอ๋ย อย่าพ่น คำหมิ่นหยาม
อันงานข้า อาหาร ทุกมื้อยาม อีกทั้งน้ำ ข้าย่อย ป้อนพลังงาน
หากขาดข้า แรงเจ้า มีได้ไฉน ชั้นแต่ยืน หรือไหว คิดตรองท่าน
ทุกอวัยวะ ต่างเอื้อ เกื้อกูลกัน หากขาดพลัน สิ่งใด ไม่สบายเอยฯ
๓.
คตินิทาน เรื่องนี้ ท่านสอนว่า
ถ้วนอวัยวะ มีค่า ล้วนกูลเกื้อ
ทำหน้าที่ สัมพันธ์ ต่างจุนเจือ
มีประโยชน์ ช่วยเหลือ เอื้อกันเอยฯ
๔.
อวัยวะหมดสิ้นถ้วน ล้วนหน้าที่สำคัญ มีดีกันแตกต่าง ประกอบร่างสมบูรณ์ เกื้อกูลคล้องสัมพันธ์ อย่าเบ่งฉันข่มเธอ เสมอในทุกสิ่งล้วน ถ้วนอวัยวะนี้ หน้าที่นั้นบอกชี้ แน่แท้เท่าเทียม เพื่อนเอยฯ
๗.
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
“ทุกสิ่งมีประโยชน์และล้วนเกื้อกูลกันและกัน”
บันทึกการเข้า
~รวมทุกสำนวนของ"สนอง เสาทอง"ครับ ~
สนอง เสาทอง
นักกลอนผู้อ่อนไหว
ออฟไลน์
กระทู้: 136
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
|
Re: ศตอีสปนิทานคำกรอง (โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
«
ตอบ
#28 เมื่อ:
07 กันยายน, 2556, 11:25:46 PM »
หน้าแรก
Re: ศตอีสปนิทานคำกรอง (โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
ศตอีสปนิทานคำกรอง
(โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
๒๙.
ต้นไม้กับขวาน
๑.
อันขวานด้ามย่อมใช้ ไม้ทำ
คมร่ายจามกระหน่ำ โค่นไม้
สุดเทวษยิ่งระกำ เนื้อเยื่อ เจ้านา
ไม้ป่าครวญพร่ำไห้ เจ็บล้นเหนือใดฯ
๒.
เจ็บมากหนักท้น หากคนเคียงชิด
ทำเราหมองจิต ล้นเจ็บเหลือใด
ต่างเคยก่อเกื้อ ไว้เนื้อเชื่อใจ
ย้อนทำเราได้ เจ็บนั้นฝังนานฯ
๓.
ขวานด้ามทำจากไม้ คมขวานใช้จามไม้ต้น
สุดเทวษระกำล้น ก้านกิ่งตนแว้งทำร้าย
เฉกเช่นมิตรใกล้ชิด กลับเบือนบิดมาแปรกลาย
เชื่อใจมิตรมากมาย แต่ไม่วายแว้งเราเจ็บฯ
๔.
กาลครั้งหนึ่ง กล่าวถึง คนตัดไม้ เทียวเลาะหา ไม้ไพร ทำด้ามขวาน
ต้องการแต่ เนื้อดี ไม้ใช้งาน แข็งทนทาน ทุกยาม จามเหมาะมือ
คนตัดไม้ อ้อนวอน ไม้ทั่วป่า ต้นไม้จ๋า ขอถาม เรื่องไม้ชื่อ
คุณสมบัติ ต้องตาม คำใครลือ และเชื่อถือ แข็งทน ทำด้ามดี
ฝ่ายหมู่ไม้ นานา ทั่วป่าย่าน ยินเสียงอ้อน สงสาร อยู่เหลือที่
จึงประชุม ปรึกษา เต็มภาคี แล้วเอ่ยชี้ ต้นนี้ แข็งดีนัก
คนตัดไม้ ได้ฟัง คำไม้บอก ไม่ย้อนยอก เลือกโค่น เร่งมือหนัก
แล้วถากเนื้อ กบไส เสลาสลัก ชั่วครู่พัก สวยด้าม คู่ขวานงาม
อนิจจา ด้ามเสร็จ คนตัดไม้ เที่ยวโค่นไพร ใหญ่น้อย คอนแบกหาม
ทั้งไม้บ้าน ไม้ฝืน ทั่วเถื่อนคาม ด้วยขวานด้าม หมู่ไม้ เลือกให้เอยฯ
๕.
คตินิทาน เรื่องนี้ ท่านสอนว่า
อย่าฆ่ามิตร เพื่อใคร ศัตรูอื่น
อาจเขานั้น ย้อนร้าย กลับท่านคืน
เช่นหมู่ไม้ ตายดื่น เยี่ยงนี้เอยฯ
๖.
เพื่อนน้ำมิตรชิดใกล้ ไว้เนื้อเชื่อใจยิ่ง สิ่งใดล้วนกอบเกื้อ เอื้อเฟื้ออยู่ไม่สิ้น แม้ดับดิ้นวางวาย ยังมิคลายมิตรภาพ ดื่มอาบน้ำมิตรอยู่ หดหู่แท้เพื่อนไซร้ กลับกระทำเราะร้าย เจ็บล้นเหลือเรา เพื่อนเอยฯ
๗.
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
“การทำร้ายเพื่อนเพื่อศัตรู อาจนำภัยมาสู่ตัวเราเองได้”
บันทึกการเข้า
~รวมทุกสำนวนของ"สนอง เสาทอง"ครับ ~
สนอง เสาทอง
นักกลอนผู้อ่อนไหว
ออฟไลน์
กระทู้: 136
ผู้เริ่มหัวข้อนี้
|
|
Re: ศตอีสปนิทานคำกรอง (โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
«
ตอบ
#29 เมื่อ:
07 กันยายน, 2556, 11:36:38 PM »
หน้าแรก
Re: ศตอีสปนิทานคำกรอง (โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
ศตอีสปนิทานคำกรอง
(โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน ร่าย)
๓๐.
งูกับกา
๑.
อันกาดำต่ำชั้น ปัญญา
คิดต่ำตื้นประสา โง่รั้น
เห็นงูร่อนปีกถลา เข้าจิก
งูฉกสวนเจ้านั้น ด่าวดิ้นวางวายฯ
๒.
กาดำปัญญา หนักหนาโง่รั้น
เห็นงูดื้อดัน คิดง่ายร่อนฉก
งูนั้นพิษเขี้ยว แรงเรี่ยวยิ่งนก
สวนคืนไวฉก กาดิ้นชีพม้วยฯ
๓.
กาดำเขลาปัญญา บินถลาเหนือทุ่งกว้าง
เห็นงูพื้นดินล่าง คิดง่ายกร่างร่อนจิกรั้น
ชาติเชื้ออสรพิษ หรือเบือนบิดฉกโต้พลัน
เขี้ยวจมเนื้อเจ้านั้น วายชีวันด้วยพิษงูฯ
๔.
กาลครั้งหนึ่ง กาดำ ปัญญาเขลา ทั้งมัวเมา โลภนัก อุปนิสัย
หาเลี้ยงตน โบกบิน เหนือราวไพร เห็นงูขด กริ่มใจ ได้ลาภลอย
นึกกระหยิ่ม เนื้องู อาหารเช้า โจมจู่เข้า หมายจิก มื้ออร่อย
ไม่ทันคิด ตนอาจ ถูกย้อนรอย งูฉกสวน ค่อยรัด มัดกาตัว
อนิจจา กานั้น สำคัญผิด นึกว่างู พิษด้อย ไม่ตรองทั่ว
จึงบุ่มบ่าม ลงมือ ไร้กริ่งกลัว เข้าพันพัว ต่อสู้ ขาดระวัง
ก่อนกาตาย คิดได้ พลางสำนึก อันตัวเรา เหิมฮึก เขลาโง่งั่ง
คิดมักง่าย จิกงู แรงกำลัง แต่สุดท้าย พลาดพลั้ง ชีพวายเอยฯ
๕.
คตินิทาน เรื่องนี้ ท่านสอนว่า
อันกาดำ โลภนัก ปัญญาเขลา
คิดต่ำตื้น มักง่าย ด้วยมัวเมา
สุดท้ายเจ้า เคราะห์ร้าย ถึงตายเอยฯ
๖.
มิมีในสิ่งใด ใจประสงค์อยากได้ ไร้อุปสรรคง่ายดาย สิ่งหมายปองถ้วนสิ้น จำดิ้นรนขวนขวาย แรงใจกายทุ่มเท อย่าไฉเฉตั้งจิต คิดอยากได้สิ่งนั้น อุปสรรคล้วนมากกั้น บากสู้สำเร็จเสมอ ท่านนาฯ
๗.
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
“ไม่มีสิ่งไหนได้มาโดยง่าย ทุกอย่างต้องเต็มไปด้วยความยากลำบาก”
บันทึกการเข้า
~รวมทุกสำนวนของ"สนอง เสาทอง"ครับ ~
หน้า:
1
[
2
]
3
ขึ้นบน
พิมพ์
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
กระโดดไป:
เลือกหัวข้อ:
-----------------------------
บทกลอนไพเราะ
-----------------------------
=> กลอนรัก
=> กลอนเศร้า
=> กลอนคิดถึง
=> กลอนงอนง้อ
=> กลอนคลายเครียด
=> กลอนให้แง่คิด
=> กลอนอวยพร
=> บทประพันธ์อันน่าประทับใจ
=> กลอนเปล่า
=> เรื่องสั้น แนวนิยาย
-----------------------------
อารมณ์กลอน
-----------------------------
=> การใช้งานบอร์ด-แจ้งปัญหา
=> สมาชิกแนะนำตัว
=> สารบัญกลอน สมาชิกกลอน
=> ห้องเรียนรู้คำประพันธ์
=> โคลง
=> ฉันท์ กาพย์ ร่าย
=> กลบท
=> คำคมอารมณ์กลอน
===> หมวดความรัก
===> หมวดเศร้า - อกหัก
===> หมวดการให้แง่คิด
===> หมวดคลายเครียด
-----------------------------
คุยเรื่องร้อยแปดชาวอารมณ์กลอน
-----------------------------
=> กระดานประชาสัมพันธ์สำหรับสมาชิก
=> คุยได้ทุกเรื่อง
=> ดูหนัง-ฟังเพลง-คลิปความบันเทิง
=> ขอความช่วยเหลือในการแต่งคำประพันธ์
-----------------------------
กฎระเบียบและการจัดการประกวดคำประพันธ์
-----------------------------
=> ห้องประกวดคำประพันธ์
กำลังโหลด...