ราตรีมืดยืดยาวซ่อนหนาวเหน็บ
ดังจะเก็บเงาทุกข์ซุกเสมือน
พร้อมเศษเหงาเร้ารุมที่สุมเตือน
ค่อยค่อยเคลื่อนครอบฤดีอย่างลีลา
เมื่อหัตถ์มืดยื่นรับกับขวัญอ่อน
ก็สะท้อนความจริงสิ่งโหยหา
หลับไม่ลงทั้งคืนสะอื้นพา
จวบอุษาวันใหม่ได้อรุณ
อยากแบ่งเบาเหงาน้องแล้วป้องปก
ผ้าห่มยกคลุมร่างต่างแขนหนุน
พร้อมห่วงหาอาทรอ่อนละมุน
เป็นไออุ่นโอบน้องประคองนอน
จนคลายทุกข์สุขหมายที่ปลายฝัน
เป็นกำนัลคืนนี้ที่ข้างหมอน
เฉกกวีบรรเลงเพลงอาทร
กล่อมบังอรซ้ำซ้ำทุกค่ำคืน
ตะวัน
เย็นลมว่าว พัดอู้ ล่องสู่ใต้
หากหมองไหม้ ไฟสุม รุมใจขื่น
มิอาจข่ม ตานอน แม้ค่อนคืน
ผวาตื่น ขืนค้าง อย่างเช่นเคย
ลมหนาวพัด โบกแล้ว แก้วตาเจ้า
จะโศกเศร้า เหงาใด ฤทัยเอ๋ย
ใครจะเห่ กล่อมขวัญ ฝันทรามเชย
ใครจะเอ่ย คำหอม ถนอมนวล
ใครจะยื่น อกอุ่น ให้หนุนพัก
ใครจะฝาก คำรัก มิหักหวน
ใครจะปก ป้องภัย มิกรายกวน
ใครจะชวน ชิดชู้ รู้เรือนเรียง
คนอยู่ใกล้ ซาบซึ้ง ถึงสัมผัส
สื่อคมชัด ไหววาบ ทั้งภาพเสียง
คนอยู่ไกล ร้าวรึง คะนึงเพียง
อาบสำเนียง เรียงศิลป์ จินตนา
หากว่าจินตนาการ มานเสกสรร
เพียงภาพฝัน หยัดยง ทรงคุณค่า
แม้มิอาจ วาดหวัง ดั่งอุรา
ดวงวิญญาณ์ พิสุทธิ์ มิหยุดรัก
จะขอเก็บ ฝันไว้ ใส่กระปุก
ปันความสุข อักษร สุนทรถัก
สมานสอง ดวงใจ หทัยภักดิ์
ร้อยสลัก ลอมแข ดุจแดเดียว...
Soul Searcher
Inspired to write 21/11/2016